MODERN ART

 

       ศิลปะที่เรารู้จัก และพบเห็นกันเป็นประจำนั้นมีความหมายทั้งวงกว้างที่มุมมองของแต่ละบุคคล

การจำเพาะเจาะจงจากการบรรจุความหมายจากพจนานุกรม ซึ่งตัวเราจะตีความหมายของคำว่าศิลปะอย่างไรนั้น ก็ย่อมขึ้นอยู่กับทัศนะของแต่ละคนอีกที แต่ทั้งนี้ในแต่ละยุคแต่ละสมัยการให้ความหมายของศิลปะก็มีความแตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วศิลปะก็คือการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากความคิดและประสบการณ์จากตัวผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานด้วย ในวันนี้เราจะมาพูดถึง “ศิลปะสมัยใหม่” หรือ “MODERN ART” 

        “ศิลปะสมัยใหม่” หรือ “MODERN ART” ถึงเราจะเรียกกันว่าศิลปะสมัยใหม่

ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า เป็นศิลปะที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วศิลปะสมัยใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 1860 – 1970 ซึ่งในช่วงนั้นถือได้ว่าที่เป็นช่วงยุคสมัยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้

โดยเกิดขึ้นจากอุดมการณ์ของศิลปิน และอุดมคติที่เกิดในการสร้างสรรค์ผลงานของยุคสมัยนั้นซึ่งจุดเริ่มต้นของ “MODERN ART”

ได้มีการเริ่มขึ้นในยุคที่การปฏิวัติของทางฝั่งยุโรปจากการเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ของการเมือง บวกกับศิลปะในสมัยนั้นเกิดความอ่อนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นยิ่งเป็นสาเหตุให้มีการโหมให้เกิดเป็นกระแสศิลปะสมัยใหม่ขึ้นมา

จนในที่สุดกระแสนี้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดเป็นแนวทางด้านศิลปะที่มีความแปลกใหม่หลากหลายประเภทมากขึ้น โดยที่กระแสศิลปะสมัยใหม่นี้เองมีลักษณะที่สำคัญก็คือการแสดงออกทางทัศนคติที่ดี ทั้งต่อศิลปะในอดีตและในอนาคต กล่าวก็คือตัวของศิลปินนั้นได้มีความคิดเห็นอย่างเป็นอิสระมากขึ้น

แต่ไม่สุดโต่งโดยที่ยังมีความเคารพต่อศิลปะในยุคอดีตอยู่ ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเองก็ยังพร้อมที่จะเปิดรับเอาคุณค่าของศิลปะที่มีการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ได้อย่างเท่าเทียม สิ่งที่มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากก็คือการเปลี่ยนแปลงทางด้านความอิสระของผู้สร้างสรรค์ผลงานอย่างศิลปิน เพราะในอดีตนั้นผู้ที่ว่าจ้างให้ทำงานศิลปะส่วนใหญ่มักจะเป็นเหล่าขุนนาง ศาสนจักร และรัฐ

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของการปกครองจนทำให้เริ่มเข้าสู่ระบบแบบทุนนิยมนั้นจึงเป็นการกระตุ้นให้ศิลปินเกิดความคิดจะทำ หรือสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นสิ่งแปลกใหม่มากขึ้น

การสร้างสรรค์ผลงานจากศิลปินได้เริ่มมีการสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนในสังคม แสดงออกถึงมุมมองที่มีความแตกต่าง และเมื่อเริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 ก็ได้มีการแพร่แนวคิดอย่าง “ศิลปะเพื่อศิลปะ” ออกไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น จนในที่สุดเมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ศิลปะนั้นก็ได้แสดงถึงความเป็นปัจเจกสูงขึ้นนั่นเอง 

          อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศิลปะสมัยใหม่ หรือ “MODERN ART” นั้นได้เป็นตัวจุดประกายให้เกิดความเป็นอิสระทางการแสดงออกในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวศิลปิน จากนั้นจึงทำให้เป็นต้นกำเนิดของศิลปะสืบต่อมาในอีกหลายยุคสมัย ซึ่งนั่นก็เพื่อตอบสนองให้กับความต้องการของคนทั่วไป รวมไปถึงการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในด้านอื่นๆอีกมากมาย

ทั้งในด้านงานเขียนอย่างบทกวี การดนตรี และที่สำคัญคือการออกแบบที่มีความหลากหลายโดยได้มีการสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบันได้โดยที่ยังไม่มีการละทิ้งศิลปะในแบบดั้งเดิม

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย บาคาร่าขั้นต่ำ 10 บาท

ท่านมุ้ย หนึ่งในผู้กำกับไทยที่รู้จักกันดี

ผู้กำกับอีกหนึ่งท่านที่ถือเป็นประวัติศาสตร์วงการหนังไทย

ผู้ที่เป็นเหมือนผู้ริเริ่มเลยก็ว่าได้เพราะว่า หม่อมเจ้า ชาตรี เฉลิม ยุคล ท่านนี้ได้อยู่กับวงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคแรกๆของจอแก้วเลย เพราะว่าทั้งพระบิดาและมารดานั้นได้เป็นผู้สร้างบริษัทภาพยนต์ไว้นานมาแล้ว นั้นทำให้ท่านมุ้ยได้อยู่กับวงการนี้มาตั้งแต่ยังเยา แล้วก็ได้มีโอกาสในการสืบสารต่อธุรกิจภาพยนต์ต่อจากครอบครัวของท่านอีกด้วย

ซึ่งท่านมุ้ยนั้นได้สร้างหนังที่เป็นประวัติศาสตร์ให้คนไทยมีชื่อเสียงทั่วโลกจากหนังอิงประวัติศาสตร์ของประเทศสยามเรานั้นเอง

แรกเริ่มนั้นท่านได้กำกับหนังเรื่องแรกของท่านกับเรื่อง มันมากับความมือ ซึ่งเป็นหนังที่เก่าแก่มาก ตัวผู้เขียนเองยังไม่เคยดูเลย แล้วนั้นทำให้ท่านถูกรู้จักเป็นวงกว้างจากการที่ได้รางวัลผู้กำกับดีเด่นจากเรื่องเขาชื่อกาน ตอนนั้นเองที่ทำให้วงการจอแก้วไทยได้ดูหนังอย่างจริงๆจัง แล้วก็สร้างพระเอกสุดหล่าขวัญใจแม่บ้านทั้งหลายอย่าง สรพงค์ ชาตรี

ซึ่งก็กลายเป็นหนึ่งในพระเอกตลอดการของวงการหนังไทย หนังเหล่านี้อาจจะเก่าเกินไปที่คนยุคใหม่จะรู้จักหรือไปหามาดู แต่เรื่องที่อยู่ในยุคสมัยนี้แล้วก็ทำให้เป็นหนังแห่งสยามประเทศนั้นคือเรื่อง สริโยไท เป็นอะไรที่ตืนตาตื่นใจมากๆ

เมื่อหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่โรงเรียนได้นำมาเป็นบทเรียน กลายเป็นหนังที่ได้เห็นภาพประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน หนังเรื่องนี้เปิดตัวได้แบบว่าทั้งประเทศไทยต้องไปดูกันเลยทีเดียว โรงเรียนถึงกับพานักเรียนไปทัศนศึกษาดูหนังเรื่องนี้

ต่อมาก็เป็นสุดยอดหนังชุดของประวัติศาสตร์ไทยที่ไม่ควรลืมเลือน เรื่องของมหาวีรบุรุษแห่งสยามประเทศ พระนเรศวรมหาราชที่ทำออกมาได้น่าติดตามตลอดทุกภาพ กลายเป็นหนังที่ชาวไทยควรไปหาดูอย่างยิ่งยวด ทุกภาคนั้นก็ได้นักแสดงชั้นนำของประเทศเราเล่นด้วยอย่างมากมาย ถึงแม้ว่าภาคสุดท้ายจะทำได้ดีไม่เท่าภาคแรกๆเนื่องจากภาพสเปเชียลเอฟเฟคของประเทศเรายังไม่ดีเท่าที่ควร แค่เรื่องนี้ก็เป็นหนังชุดที่ควรค่ากับการต้องดูสักครั้งในชีวิต

 

สนับสนุนโดย แทงมวยสด

วัฒนธรรมเกาหลีที่แทรกซึมในประเทศไทย

ประเทศไทยมีหลากหลายวัฒนธรรมที่ต่างชาติทำเข้าเผยแพร่ ทั้งจากข้ามทวีปอย่างฝั่งอเมริกา หรือ แม้แต่ในทวีปเดียวกันอย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลมากที่สุดในหมู่วัยรุ่นไทยปัจจุบันนี้คือ วัฒนธรรมจาประเทศเหลี ซึ่งการเผยแพร่นี้ไม่ได้ถูกนำเข้ามาแบบเรียนรู้โดยตรง แต่มีตัวแทนในการเผยแพร่

เริ่มจากซีรี่ย์เกาหลี ที่สะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เช่น สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ถัดมาคือกลุ่มศิลปินบอยแบรนด์ เกิร์ลกรุ๊ป ที่ค่ายเพลงเกาหลีรังสรรค์เพลงที่ติดหูและเข้าถึงคนทุกคนในช่วงนั้น ทำให้วัฒนธรรมการติดตามทั้งซีรี่ย์หรือศิลปินเกาหลี ยังไม่เสื่อมหายและยังมีจนมาถึงทุกวันนี้ แล้วมีอะไรบ้างที่วัฒนธรรมประเทศเกาหลีได้บุกประเทศไทยเป็นสิ่งยอดฮิต

1.อาหารเกาหลี

อาหารเกาหลีที่ดังและเรามักจะได้เห็นอยู่บ่อยๆคือ กิมจิ ที่เปรียบเสมือนเป็นอาหารประจำชาติของเกาหลีเลยก็ว่าได้ ถ้าหากได้ยินใครเอ่ยชื่ออาหารเมนูขึ้นมาก็คงรู้ได้เลยว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อจากประเทศอะไร ในประเทศไทยร้านอาหารเกาหลีเพิ่มมากขึ้นในหลายๆที่ และ กิจจิ ก็เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้หมดโต๊ะอาหารอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็เริ่มมี เนื้อย่างเกาหลีที่เข้ามาตีตลาดในบ้านเรา จนปัจจุบันมีเมนูสุดฮิตก็ บิงซู เมนูของหวานที่ใครๆก็ชอบทั้งเด็กและผู้ใหญ่

2.การท่องเที่ยว

ประเทศเกาหลีนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย และมีแหล่งช็อปปิ้งเยอะไม่ต่างกัน หากใครที่ชอบการดูซีรี่ย์เกาหลีก็ต้องเคยเห็นสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในซีรี่ย์แล้ว นั้นจึงทำให้คนดูอย่างเราเกิดความรู้สึกมันสวยงาม และน่าไปเที่ยว หรือกระทั่งกลุ่มคนที่ชื่นชอบศิลปินเกาหลี ก็อาจจะไปตามรอยสถานที่ที่ศิลปินที่ชื่นชอบไป วัฒนธรรมนี่ทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศเกาหลีนั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก

3.การแต่งหน้า

หากว่าใครได้ดูดารา ไอดอล หรือศิลปินเกาหลี ไม่ว่าผ่านช่องทางไหนๆ ก็คงจะมองว่าเขาสวยหล่อกัน และก็หนีไม่พ้นเรื่องเมคอัพ การแต่งหน้า หลายคนเกิดความสงสัยว่าทำไมคนประเทศเกาหลีถึงแต่งหน้ากันออกมาสวยดูดี มีเอกลักษณ์ และดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งนี่เป็นวัฒนธรรมที่ฮิตกันมากในกลุ่มคนที่ชอบการแต่งหน้า และนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพอาการของประเทศไทย

4.ภาษาเกาหลี

ภาษาเกาหลีถูกแทรกซึมเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะต้องการเรียนไว้เป็นภาษาที่3 ในการทำงานแล้ว นั้นเป็นเพราะกลุ่มคนที่ชื่อชอบดาราหรือศิลปินเกาหลี ต้องการที่นำไปไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับคนที่ชื่นชอบ แม้กระทั้งการดูซีรี่ย์ การฟังศิลปินพูด เพื่อจะได้เข้าใจ ไปต้องรอคนแปลหรือทำซับนั้นเอง

5.การศัลยกรรม

การศัลยกรรม เป็นนวัตกรรมของเกาหลีที่ขึ้นชื่อมากที่สุด ในทุกๆประเทศจะมีโรงพยาบาลหรือคลินิกทำศัลยกรรมอย่างแน่นอน ประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน แต่เพราะคนไทยหลายคนเองก็ยังไม่มั่นใจในศัลยกรรมทางการแพทย์ของประเทศเราเอง เห็นการรีวิว การบอกต่อ จากคนที่ได้เดินไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี จึงตัดสินใจที่จะไปทำบ้าง ทำให้ปัจจุบันคนไทยเดินทางไปทำศัลยกรรมเกาหลีเป็นจำนวนมาก

วัฒนธรรมเหล่านี้หากเข้าใจ จะมองว่ามันไม่ได้มีข้อเสียแต่อย่างใด ถ้าเรารู้จักการแบ่งเวลา อย่างเช่น การชื่นชอบศิลปินเกาหลี แล้วต้องการเรียนภาษาเกาหลี นอกจาจะเอาติดต่อสื่อสารกับศิลปินแล้ว ยังนำไปต่อยอดเป็นอาชีพที่ปัจจุบันนี้ต้องการบุคลากรที่มีความเข้าใจในภาษาที่3มากขึ้น และไม่ใช่สิ่งที่เราจะชื่นชอบวัฒนธรรมเกาหลี หากเรารู้คุณค่าและประโยชน์ของมัน เพื่อจะนำมาพัฒนาตัวเองหรือประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศของเราเอง

 

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนเกี่ยวกับบทความโดย แทงบอลไม่มีขั้นต่ำ