วัดภูเขาทองวัดเก่าแก่ของ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    วัดภูเขาทองวัดเก่าแก่ สำหรับในบทความนี้เราจะพาไปชมความสวยงามและประวัติความเป็นมาของวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งวัดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญของจังหวัดเลยก็ว่าได้เนื่องจากว่าวัดแห่งนี้นั้นนับได้ว่าเป็นโบราณสถานที่มีความเก่าแก่

และยังคงความสวยงามเอาไว้ซึ่งหากใครก็ตามที่ต้องการไปชมความสวยงามของวัดแห่งนี้หรือไปศึกษาข้อมูลประวัติความเป็นมาของวัดเหล่านี้นั้นจะสามารถมองเห็นวัดแห่งนี้โดดเด่นในระยะไกลได้เลยทีเดียว

          สำหรับวันที่เรากำลังพูดถึงนั้นก็คือวัดภูเขาทองซึ่งวัดภูเขาทองที่นี่ไม่ใช่วัดภูเขาทองที่อยู่ในกรุงเทพฯลักษณะศิลปะของการก่อสร้างหรือรูปแบบของการก่อสร้างนั้นก็ไม่เหมือนกันเนื่องจากว่าวัดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นเน้นการก่อสร้างในรูปแบบของสีขาวบริสุทธิ์ไม่ว่าจะเป็นบันไดทางขึ้น

หรือแม้แต่ตัวเจดีย์ด้านบนสุดก็มีการนำสีขาวมาทาเอาไว้ทำให้วัดแห่งนี้นั้นมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและที่สำคัญพื้นที่โดยรอบของวัดภูเขาทองแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยท้องทุ่งนาทำให้สีขาวยิ่งโดดเด่นท่ามกลางสีเขียวของนาข้าวนั่นเอง 

       สำหรับความเป็นมาของวัดแห่งนี้ว่ากันว่าสร้างขึ้นมาจากพระเจ้าบุเรงนองซึ่งเป็นกษัตริย์ในสมัยโบราณที่ได้ยกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยาของไทยและในการรบครั้งนั้นก็มีการชนะศึกสงครามจึงได้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานว่าครั้งหนึ่งนั้น

พระเจ้าหงสาวดีเคยได้มารบแล้วชนะกรุงศรีอยุธยานั้นเองว่ากันว่าสร้างช่วงประมาณปีพ.ศ 2112  ดังนั้นจะเห็นได้ว่ารูปแบบของการก่อสร้างนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมของมอญพม่าเลยทีเดียว 

                สำหรับเจดีย์ที่มีการบูรณะขึ้นมาใหม่นี้มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 90 เมตร   ที่นี่เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากมักจะเดินทางมากราบไหว้บูชาและมาขอพรเนื่องจากว่ามีความเชื่อกันว่าวัดภูเขาทองแห่งนี้แต่เดิมนั้นเคยเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยมีการมาทำพิธีทางศาสนาที่นี่นอกจากนี้ปัจจุบันก็ยังมีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ไว้ที่บริเวณด้านหน้าของตัววัดด้วย

          ดังนั้นถ้าหากใครต้องการขอพรพระนเรศวรก็มักจะมาขอบนบานศาลกล่าวที่บริเวณนี้ซึ่งจะเห็นได้จากว่าทางเข้าหน้าวัดนั้นจะมีรูปปั้นไก่เป็นจำนวนมากโดยชาวบ้านนำมาแก้บนหลังจากที่บนบานศาลกล่าวเราได้ตามที่ขอแล้วซึ่งมีประวัติความเป็นมาว่าพระนเรศวรนั้นชื่นชอบไก่ชนเป็นอย่างมากดังนั้นสิ่งที่นำมาแก้บนก็คือเป็นรูปปั้นไก่ชนนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ufabet

ประวัติของเหรียญที่เก่าแก่ที่สุดในโลก 

        ประวัติของเหรียญ  สำหรับในปัจจุบันนี้เราพบเห็นเหรียญมากมายเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นเหรียญเงินเหรียญทองซึ่งเป็นเหรียญรางวัลสำหรับการแข่งขันกีฬาหรือการทำกิจกรรมต่างๆหรือแม้แต่เหรียญเงินที่เราใช้สำหรับในการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน

ซึ่งโดยปกติแล้วการแลกเปลี่ยนสินค้านั้นนอกจากจะได้สินค้ามาเราก็จ่ายเป็นในลักษณะของสกุลเงินออกไปซึ่งสกุลเงินของแต่ละประเทศนั้นก็จะมีการทำทั้งเป็นแบบธนบัตรและทำในรูปแบบของเหรียญ

           เชื่อหรือไม่ว่าเรียนนั้นมีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณแล้วเรียนนั้นมีมากมายหลายเหรียญหลายรูปแบบด้วยกันแต่ละประเทศนั้นก็ออกแบบเหรียญของตนเองออกมาใช้ที่แตกต่างกันออกใหม่แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเรียนที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในโลกหรือเรียกได้ว่าเหรียญที่มนุษย์ใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นเหรียญแรกของโลกนั้นเป็นเหรียญที่ชื่อว่าอะไรหรือเป็นเหรียญชนิดไหน

            สำหรับข้อมูลนี้เราจะมาพูดถึงเหรียญที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลกกันด้วยเหรียญชนิดนี้นั้นมีจุดกำเนิดมาจากประเทศตุรกีทางฝั่งตะวันตกเรียกว่าในขนาดนั้นยังไม่ได้ถูกเรียกประเทศตุรกีแต่ในขนาดนั้นสถานที่ดังกล่าวนั้นถูกเรียกว่าราชอาณาจักรลิเดียดังนั้นการผลิตขึ้นมาใช้ในการใช้แทนการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันจึงเรียกเหรียญดังกล่าวว่าเหรียญลิเดียนนั้นเอง 

        ซึ่งในยุคสมัยก่อนนั้น ผู้คนไม่รู้จักเกี่ยวกับเงินตราเรียกได้ว่าในยุคสมัยนั้นยังไม่มีการใช้เงินตรามนุษย์ใช้ระบบแลกเปลี่ยนแบบสินค้าจึงมีมาตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมีย 6 พันปีก่อนคริสต์ศักราชในเวลาต่อมาระบบแลกเปลี่ยนสินค้าแบบนี้ก็ถูกใช้ในอารยธรรมอื่นมากมายอารยธรรมโบราณใช้สืบเนื่องกันมาหลายพันปี

             จนกระทั่งเมื่อมาถึง ในช่วง  610-620 ก่อนคริสต์ศักราช  มนุษย์ก็เริ่มมองหาระบบใหม่ที่คิดว่าดีและมีประสิทธิภาพมากกว่าและในช่วงเวลานี้อาณาจักรลิเดียโบราณก็ได้สร้างเหรียญขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยมันคือเหรียญที่ทำมาจากอิเล็กตรัม ที่เป็นโลหะผสมระหว่างเงินและทองคำมีการประทับรูปหัวสิงโตที่เป็นตราประจำตัวของกษัตริย์

           ซึ่งเหรียญลิเดียนที่ว่านี้ก็มีการผลิตออกมามากมายหลายขนาดและมีมูลค่าที่แตกต่างกันออกไป  ufabet ฝาก-ถอน เอง   แต่ด้วยความที่มันมีประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนสูงในการใช้เงินตราแลกเปลี่ยนสินค้าแบบนี้ ทำให้การใช้เหรียญแลกเงินตราแพร่กระจายไปยังอาณาจักรอื่นๆซึ่งจะส่งผลทำให้การค้าเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว 

                 ซึ่งหลังต่อมาก็มีการพัฒนาเหรียญของแต่ละประเทศใช้การกันเองภายในแต่ละประเทศนั่นเองซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ประเทศไทยนั้นก็จะมีเหรียญของประเทศไทยซึ่งสามารถใช้งานได้ในประเทศไทยหากจะต้องการนำไปใช้งานที่ประเทศอื่นก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงค่าเงินของประเทศของเราไปเป็นค่าเงินของประเทศอื่นแล้วใช้เหรียญของประเทศนั้นๆที่เราไปใช้บริการนั่นเอง 

วัดป่าดาราภิรมย์  จังหวัดเชียงใหม่ 

     วัดป่าดาราภิรมย์ สำหรับประวัติความเก่าแก่และความเป็นมาของวัดที่เราจะมีการพูดถึงกันในวันนี้เป็นหวัดอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจของจังหวัดเชียงใหม่โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลริมใต้อำเภอแม่ริมซึ่งวัดดังกล่าวนั้นมีชื่อเรียกว่าวัดป่าดาราภิรมย์   

สำหรับวัดแห่งนี้นั้นบอกได้เลยว่ามีสถาปัตยกรรมที่งดงามและแปลกตาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอุโบสถซึ่งถ้าหากได้มาเห็นจะรู้เลยว่ามีการสร้างอย่างประณีตงดงามโดยใช้ศิลปะในการก่อสร้างในรูปแบบของล้านนา 

          แต่เดิมวัดป่าดาราภิรมย์แห่งนี้ไม่ได้เป็นวัดมาก่อนที่นี่นั้นเคยเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าหรืออาจจะได้ว่าที่นี่นั้นเคยเป็นป่าช้าร้างมาก่อนหลังจากนั้นได้มีพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่งซึ่งก็คือพระอาจารย์มั่นภูริทัตมหาเถระนั่นเองโดยพระอาจารย์มั่นได้เดินทางมายังป่าช้าร้างแห่งนี้

เพื่อมาวิปัสสนากรรมฐานเจริญสมณธรรม    รวมถึงการทำอธิษฐานภาวนาซึ่งระหว่างที่พระอาจารย์มั่นวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่ป่าช้าร้างแห่งนี้นั้นก็บังเอิญว่าในช่วงนั้นได้มีคณะพุทธบริษัทกลุ่มหนึ่งเดินทางมาพบเข้าแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวของพระอาจารย์มั่น

         ดังนั้นจึงได้รวมตัวกันสร้างเสนาสนะรวมถึงศาลาและกุฏิถวายให้กับพระอาจารย์มั่นได้ใช้เป็นสถานที่ในการวิปัสสนากรรมฐานหลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอุโบสถรวมถึงวิหารเจดีย์ต่างๆแล้วก็มีการตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่าวัดป่าวิเวกจิตตารามหรือคนสมัยโบราณนั้นมักจะมีการเรียกว่าวัดป่าแม่ริมหรือบางคนก็จะเรียกว่าวัดป่าเลไลยก์นั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าวัดแห่งนี้นั้นมีพื้นที่อยู่ติดกับตำหนักดาราภิรมย์ในสมัยต่อมาในยุคของทายาทของพระยาพระเจ้าดารารัศมีจึงได้มีการบริจาคพื้นที่บางส่วนซึ่งเป็นสวนให้กับทางวัดโดยถวายเป็นที่ดินเพื่อให้ทางวัดนั้นใช้เป็นที่ก่อสร้างโบสถ์วิหารต่างๆเพิ่มเติมซึ่งบริเวณที่มีการถวายพื้นที่ให้กับวัดนั้นเป็นที่ดินของเขตพระราชฐานด้วยเช่นเดียวกันหลังจากนั้นก็ได้มีการพระราชทานนามวัดใหม่จากเดิมชื่อวัดป่าวิเวกสิตารามก็กลายมาเป็นวัดป่าดาราภิรมย์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานั้นเอง 

           ภายในบริเวณวัดป่าดาราภิรมย์นั้นจะเห็นได้ว่ามีพระธาตุเจดีย์รวมถึงมีพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนเชียงตุงรวมถึงพระพุทธรูปสมัยศิลปะสุโขทัยเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดที่ประดิษฐานอยู่โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำไปเก็บไว้ในพระอุโบสถซึ่งจะเห็นได้ว่ามีพระสยามภูมิโลกนาถซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิซึ่งเป็นพระประธาน   นอกจากนี้ยังมีพระธาตุเจดีย์พระบาทสี่รอย  รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุซึ่งเป็นลักษณะของการจำลองขึ้นมา 

 

สนับสนุนโดย.    ufabet เว็บแม่