สถาปัตยกรรมในประเทศไทยที่สวยงามจนได้รับรางวัล

สถาปัตยกรรม คือ ศิลปะในการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือน วัด โรงเรียน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ซึ่งแรงบันดาลใจในการก่อสร้างอาจมีตั้งแต่ความสวยงาม สภาพภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศ และในวันนี้เราจะมาแนะนำสถาปัตยกรรมภายในประเทศไทยที่สวยงาม น่าสนใจจนได้รับรางวัลระดับโลก มีที่ไหนบ้าง

1.Thailand Creative and Design Center : TCDC (ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ) ออกแบบโดย Department of Architecture

ผลงานการรีโนเวทอาคารไปรษณีย์กลางบางรักส่วนหนึ่งให้กลายมาเป็นที่ตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบได้รับรางวัลชนะเลิศ จากงาน Blueprint Awards สาขา Best Interior Project : Work เมื่อปี 2017  ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และชนะเลิศรางวัล FX International Interior Design Awards (UK) สาขา Workspace Environment (Large) เมื่อปี 2017 เช่นกัน

2.The Wine Ayutthaya ออกแบบโดย Bangkok Project Studio 

ร้านอาหารที่สร้างจากไม้อัดยาง หนึ่งในผลงานของผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญเสริม เปรมธาดา สถาปนิกที่เป็นผู้ก่อตั้ง Bangkok Project Studio ซึ่งสถาปัตยกรรมดังกล่าวเป็นผสมผสานระหว่างทันสมัยกับความเป็นกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมสมัยกรุงเก่าจนทำให้ The Wine Ayutthaya ได้รับรางวัล Bronze Awards จาก DFA Design for Asia Awards เมื่อปี 2017 ที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งจัดโดย Hong Kong Design Centre 

3.Multi-Place ออกแบบโดย EKAR 

อาคาร Mixed-use ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดของชาวสุราษฎร์ธานี มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมฟาซาดคอนกรีตบล็อกและบล็อกแก้ว ทำหน้าที่กั้นมลพิษและความวุ่นวายจากสภาพแวดล้อมภายนอก สถาปัตยกรรมแห่งนี้จึงได้รับรางวัล Architizer A+Awards เว็บไซต์ architizer.com เมื่อปี 2017

4.Naiipa Art Complex (ในป่า อาร์ต คอมเพล็กซ์) โดย Stu/d/o เป็นผู้ออกแบบ

อาคารที่มีการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและพื้นที่ใช้สอย สไตล์ Mixed-Use มีธรรมชาติล้อมรอบ เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว และมีสะพานกลางแจ้งที่เชื่อมพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆทำให้เกิดความโดดเด่น น่าสนใจ มีพื้นที่ทั้งหมด 2,400 ตารางเมตร สถาปัตยกรรมแห่งนี้ได้รับรางวัล Highly Commended สาขา Mixed Use – Completed Buildings จาก World Architecture Festival เมื่อปี 2017 

5.IR-ON Hotel (โรงแรมไอออน) โดย Hypothesis เป็นผู้ออกแบบ

โรงแรมที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นจากฟาซาดเหล็กดัด และการรีโนเวทภายในตัวโรงแรม โดยการนำเหล็กดัดไปใช้ตกแต่งให้มีควาวมผสานกับสถาปัตยกรรมด้านนอกโรงแรม ซึ่งทำให้สถาปัตยกรรมแห่งนี้ได้รับรางชนะเลิศ สาขา Hotels Winner จาก INSIDE Awards เมื่อปี 2017 

6.โรงเรียนบ้านหนองบัว โดย Junsekino Architect and Design เป็นผู้ออกแบบ

โรงเรียนบ้านหนองบัวก็เป็น 1 ใน 9 โรงเรียนที่สร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในจังหวัดเชียงราย อาคารเรียนดังกล่าวมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย ใช้วัสดุในท้องถิ่นมาก่อสร้างอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและต่อเด็กนักเรียน มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงพอที่รับแรงสั่นสะเทือนจากการเกิดแผ่นดินไหวได้ นี่จึงทำให้โรงเรียนบ้านหนองบัวได้รับรางวัล WINNER : Excellent Communications Design Architecture จาก German Design Award เมื่อปี 2018 

7.Choui Fong Tea Cafe โดย IDIN Architects เป็นผู้ออกแบบ

ร้านชาที่ตั้งอยู่บนเขาภายในบริเวณไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สามารถนำเอาชามาผสมสานในการออกแบบได้ จนได้รับรางวัล WINNER : Excellent Communications Design Retail Architecture ของ German Design Award เมื่อปี 2018

สถาปัตยกรรมทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเป็นความภูมิใจของสถาปนิกไทย ที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมได้ออกมาเป็นอย่างดี หากใครสนใจสามารถไปสัมผัสกับสถานที่เหล่านี้ได้ ไปชื่นชมความสวยงาม ความแปลกใหม่ที่สถาปนิกไทยบรรจงสร้างสรรค์ไว้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   บาคาร่า บิกินี่

ภาพวาดที่ถูกพูดถึงจนปัจจุบัน

การสร้างสรรค์ผลงานทางด้านจิตรกรรมและศิลปกรรมที่สวยงามขึ้นมานั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยทีเดียว เพราะการที่ผู้สร้างสรรค์นั้นจะสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมามีความสวยงามและเป็นผลงานที่โดดเด่นได้นั้นก็จะต้องอาศัยทั้งในเรื่องพรสวรรค์ทางด้านศิลปะและการฝึกฝนฝีมืออย่างสม่ำเสมอด้วย

และต้องยอมรับในความสามารถของจิตรกรศิลปินในอดีอย่างมาก เพราะพวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผงานด้วยฝีมืออย่างแท้จริงตั้งแต่ในอดีตและผลงานต่างๆเหล่านั้นก็ยังคงเป็นผลงานที่มีการพูดถึงจนปัจจุบันถึงแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปหลายร้อยปีแล้วก็ตาม

The Last Supper เป็นภาพวาดที่วาดโดยจิตรกรชื่อดังของโลกอย่าง Leonardo de vinci นั่นเอง เชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นเคยชื่อของเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่คลุกคลีในแวดวงของศิลปะนั้นเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะไม่รู้จักเขาคนนี้ เพราะ Da Vinci นั้นถือว่าเป็นจิตรกรศิลปินที่หลายคนที่เรียนรู้ทางด้านศิลปะนั้นมักจะมีเขาเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างนั่นเอง

ซึ่ง The Last Supper นั้น เป็นภาพวาดที่โด่งดังอย่างภาพวาดพระกายหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซู เป็นจิตรกรรมผาฝนังที่ Da Vinci ได้มีการสร้างสรรค์และวาดขึ้นมาในช่วงศรรตวรรษที่ 15 โดยภาพวาดนี้นั้นถูกสร้างขึ้นที่โบสถ์ ซานตามาเรีย เดลกาซี่ ในเมืองมอลาน ประเทศอิตาลีซึ่งภาพวาดนั้นถูกวาดอยู่ผนังของด้านหลังโบสถ์

ซึ่งภาพ The Last Supper นั้นเป็นการวาดบรรยายเหตุการของพระกายหารมื้อค่ำที่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูหลังจากที่พระเยซูได้ประกาศว่า1ใน12 อคระสาวกของเขานั้นจะเป็นคนที่ทรยศพระองค์และกดารเสวยพระกายหารค่ำนี้ก้เป็นมื้อสุดท้ายก่อนที่พระองค์นั้นจะถูกตรึงกางเขน โดยภาพวาดนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาในปี 1495

และได้เสร็จสมบูรณ์ในปี1498 โดยการวาดภาพของเขานั้นไม่ได้เป็นการวาดภาพอย่างต่อเนื่องและมีการนำเสนอสิ่งต่างๆในการสร้างสรรค์มาโดยตลอดเช่น คนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของพระองค์นั้นควรจะเป็นแมร์รี่ แม็คดาเลน มากกว่าจะเป็นอคระสาวกจอร์นนั่นเอง

โดยมการไขปริศนาในเรื่องนี้จากหลายๆคนว่าบุคคลในภาพวานั้นใช่แมร์รี่ แม็คดาเลนหรือไม่และเรื่องราวบนภาพวาดนี้นั้นมีส่วนสำคัญในการสร้างหนังสืออย่างหนังสือ The Da Vinci Code ที่มีการเขียนขึ้นมาในปี2003 ด้วย โดยรื่องราวและเนื้อหาในหนังสือนั้นก็มีการถอดรหัสและสิ่งที่ผู้เขียนนั้นคิดว่าเป็นความลับของ Da vinci นั่นเอง

ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนังสื่อที่มีความน่าสนใจอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นเพียงการตั้งข้อสมมติฐานต่างๆขึ้นมาเพียงเท่านั้นเพราะความจริงที่ว่าความหมายของภาพวาดนั้นมีความหมายอย่างไร ก็คงจะมีเพียง Da vinci gท่านั้นที่รู้ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะไม่ได้รู้ถึงความหมายที่แท้จริงและยความหมายของภาพวาดนั้นก็อาจจะยังคงเป็นปริศนาอยู่ แต่ภาพวาดอย่าง The Last Supper นั้นก็ยังคงถูกพูดถึงและชื่นชมในด้านความสวยงามมาจนถึงปัจจุบัน

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย   ufabet

ตำนาน การบวชนาค

       ในทางพระพุทธศาสนานั้นหากใครก็ตามที่จะต้องมีการบวชเรียนเป็นพระสงฆ์ก็จะต้องมีการผ่านการบวชเป็นนาคเสียก่อน ซึ่งการบวชเป็นนาคนั้น มีที่มาที่ไปเช่นเดียวกัน โดยมีตำนานเล่าสืบต่อต่อกันมาเกี่ยวกับที่มาของคำว่าบวชนาค วันนี้เราจะมาพูดถึงที่มานี้กันว่าเหตุใดถึงมีคำว่าบวชนาค  ว่ากันว่าในสมัยอดีตกาล มีพญานาคตนหนึ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา

และไม่ชอบชาติกำเนิดของตัวเองที่เกิดมาเป็นพญานาค ดังนั้น พญานาคตัวดังกล่าวอยากจะหาทางทำให้ตัวเองนั้นกลายเป็นมนุษย์ในชาติต่อไปให้ได้ และมีความคิดว่าหากบวชพระถือศีลหมั่นทำความดีก็จะสามารถกลับมาเกิดเป็นคนได้จึงได้แปลงร่างกลายเป็นคนมาขอบวชเป็นพระ

ซึ่งบรรดาพระภิกษุทั้งหลายต่างก็ยินยอมบวชให้ เมื่อบวชแล้ว พญานาคตนนั้นก็ไปอาศัยอยู่กุฎิที่ลึกที่สุด แต่ต้องอาศัยอยู่กับพระสงฆ์อีกรูปหนึ่ง แต่ด้วยความที่พญานาคนั้นกลัวว่าตัวเองจะเผยร่างกายที่แท้จริงให้กับคนอื่นเห็น  จึงไม่เคยนอนหลับเวลาที่อยู่กับพระสงฆ์อีกรูปเลย แต่อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพระสงฆ์องค์นั้นออกไปทำธุระข้างนอก พญานาคจึงได้นอนหลับ

แต่ปรากฏว่าพอหลับแล้วร่างกายที่แท้จริงของพญานาคก็แสดงออกมา เพราะจากร่างที่เคยเป็นพระสงฆ์ก็กลายเป็นพญานาคนอนหลับอยู่ และเมื่อพระสงฆ์อีกองค์กลับมายังกุฏิเปิดประตูมาเห็นพญานาคนอนอยู่ก็ตกใจร้องเอะอะเสียงดังโวยวายไปทั่ววัด ทุกคนต่างก็พากันวิ่งมาดูว่ามีเหตุการณ์อะไรขึ้นทางด้านพญานาคเองก็ตกใจตื่นเช่นเดียวกัน กลายร่างกลับไปเป็นพระภิกษุสงฆ์อีกครั้ง แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วเพราะมีคนเห็นร่างจริงกันหมดแล้ว พญานาคจึงได้ยอมรับว่าตนเองนั้นแปลงร่างมาเป็นคนเพราะต้องการบวชเป็นพระ

เพราะอยากจะให้ผลบุญนั้นส่งผลให้ชาติหน้านั้นเกิดเป็นคนได้เพราะไม่อยากเป็นพญานาค ด้วยความกลัว พระภิกษุทั้งหลายจึงพากันไปหาพระพุทธเจ้าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พระพุทธเจ้าฟัง และให้ช่วยตัดสิน พระพุทธเจ้าจึงได้บอกกับพญานาคว่า ตัวพญานาคนั้นไม่สามารถบวชได้เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน

และถึงแม้จะบวชไปแล้วก็ไม่สามารถส่งผลให้เกิดเป็นคนในชาติต่อไปได้ แต่หากพญานาคอยากเกิดเป็นมนุษย์พระพุทธเจ้าแนะนำให้พญานาคใช้วิธีการถือศีลแทน ซึ่งศีลที่พญานาคถือนั้นให้ถือเป็นศีลแปด  และให้เน้นการปฎิบัติธรรมดีในวันที่ 8 ,  14 และ15 

โดยผลของการถือศีลนี้เองจะส่งผลให้พญานาคไปเกิดในภพภูมิใหม่แล้วได้เป็นคนอยากที่ใจต้องการนั่นเอง เมื่อพญานาคได้ยินดังนั้นก็เสียใจมาก จึงได้หนีหายไปนับแต่นั้นมา จึงมีการทำพิธีการบวชนาค ก่อนที่จะมีการบวชพระสงฆ์เพื่อเป็นการระลึกถึงพญานาคนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย   sa gaming บาคาร่า