ตำนานชาวราชอาณาจักร นางเงือก

 

ตำนานชาวราชอาณาจักร

         อาณาจักร นางเงือก  สหราชอาณาจักรประกอบไปด้วยประเทศอังกฤษสก๊อตแลนด์ไอร์แลนด์เหนือและส่วนมากจะเรียกกันว่า Seikie ซึ่งแปลว่าผู้หญิงแนวน้ำในตำนานฝั่งสหราชอาณาจักรนี้บ้างก็ว่าเลือกมีนิสัยดุร้ายชอบล่อลวงกะลาสีเรือให้จมน้ำตายหากมีเรือผ่านมาในหมู่เกาะ Shetland เล่ากันว่าเรานางเงือกเป็นสาวที่งดงามมากเงือกมีผิวลื่นเหมือนปลาและต้องรักษาความลื่นนั้นไว้ไม่อย่างนั้นจะกลับลงน้ำไม่ได้อีกเลย

         อีกเรื่องที่โด่งดังเช่นกันว่ากันว่าเมื่อตนหนึ่งจะไปเยี่ยมเยือนนักบวชลูกหนึ่งณสถานที่เคารพสักการะของเกาะโยนาห์ในประเทศสก็อตแลนด์อยู่เป็นประจำทางของชีวิตจิตใจและวิญญาณกับนักบวชรูปนั้นนักบวชก็ขอพรให้เธอแต่มีเงื่อนไขว่าเธอต้องละทิ้งทะเลตลอดไม่สามารถกลับมาเป็นเงือกได้ซึ่งไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำใจทิ้งลงได้เธอจึงไปจากเกาะนั้นและร้องไห้ออกมาเป็นก้อนกรวดสีเขียวเทาว่ากันว่าถ้าใครได้เจอก้อนกรวดนั้นนั่นก็คือน้ำตาของนางเงือกนั่นเอง 

 ตำนานเยอรมนี

       เงือกในภาษาเยอรมันคือ  Meerfrau  ตำนานที่โด่งดังของเยอรมนีคือเรื่องราวของลอเรไลซึ่งเป็นหญิงสาวสวยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ริมแม่น้ำไรน์เสียชีวิตเธอชอบล่อลวงหรือให้อัดฟางปัจจุบันยังมีประติมากรรมรูปหล่อของ ลอเรไล ที่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์และเป็นชื่อหน้าพระแม่น้ำที่เมือง Sankt Goarshausen   คือกันว่าวันที่หมอกลงจัดจะเห็นเรายืนอยู่ริมหน้าผา  

 ตำนานบราซิล

      ชนชาติหมอผี  Yoruba  ในบราซิลพวกเขามีความเชื่อเรื่องหญิงสาวที่จะทำหิ้งบูชานางเงือก ชื่อ Mami Wata เชื่อกันว่าเธอเป็นพระแม่ผู้ปกครองชาวผิวดำในสมัยที่มีการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยเธอจะตอบสนองต่อคำอธิษฐานของธาตุเหล่านั้นหรือบางคนที่หายไปในระหว่างที่อยู่บนเรือ

หรือกำลังว่ายน้ําในทะเลว่ากันว่าเป็นเพราะได้ไปในเมืองใต้บาดาลของชาวเงือกและเมื่อกลับมาจะเป็นคนที่ร่ำรวยและมีเสน่ห์มากกว่าเดิม   Mami Wata นั้นมักจะถึงกระจกอยู่ในมือกระจกนี้เป็นตัวแทนของอดีตและอนาคตโดยคนที่บูชาเธอจะสามารถสื่อสารกับเธอได้ผ่านทางกระจกและหิ้งบูชา

         มีตำนานของเงือกหนุ่มเล่าไว้ในบราซิลด้วยว่าผู้ที่เดินทางโดยเรือจะเจอกับเรื่องหนุ่มล้อมรอบเรือและกัปตันเรือต้องแข่งบทกวีกับเรื่องเหล่านั้นถ้าชนะลูกเรือทุกคนก็จะปลอดภัยถ้าไม่เช่นนั้นเราเลือกก็จะทำให้เรืออับปาง

  ในความเป็นจริงนั้นมีหลักการอธิบายเรื่องของเรื่องไว้มากมายเช่นกันเช่นว่านั้นแท้จริงแล้วเป็นพยูน เมื่อมองจากไกลๆแล้วมันดูคล้ายกับคนเลยทีเดียวหรือแม้แต่ท่าทางตอนที่มันให้นมลูกก็ชวนให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนได้เช่นกัน

          Carl Jung ผู้ก่อตั้งทฤษฎีจิตวิทยาวิเคราะห์บอกว่าเงือกนั้นเป็นการจินตนาการของนักเดินเรือเพศชายที่ห่างจากบ้านมานานทำให้คิดถึงครอบครัวและถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีข่าวที่บอกว่ามีผู้พบเห็นนางเงือกตัวเป็นๆมาอยู่บ้างไม่น้อยเช่นกัน 

 

สนับสนุนโดย.    gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

สิ่งมหัศจรรย์ในยุคโบราณคืออะไร

      เชื่อว่าถ้าหากพูดถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นหลายคนคงรู้จักชื่อเสียงกันมาบ้างว่ามีอะไรแต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นมีหลายยุคซึ่งแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 อยู่ด้วยกันนั่นก็คือยุคสมัยโบราณรวมถึงยุคสมัยกลางและยุคสมัยปัจจุบันนั่นเอง

       แน่นอนว่าก่อนจะมีสิ่งมหัศจรรย์ในยุคปัจจุบันที่เรารู้จักกันอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีนหรือแม้แต่ถ้าจะมาหางานรวมถึงโคลีเซียมและอื่นๆอีกมากมายนั้นทั้งหมดนี้เป็นเพียงที่เรารู้จักแน่ชัดว่ามีการถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้นต่อจากนี้ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณที่เกิดขึ้นและยังคงหลงเหลือเป็นซากปรักหักพังให้เราได้เห็นและที่สำคัญนั้นมันดูลึกลับและเกือบออกไปทางแนวปรัมปราหรือหนังไซไฟอีกด้วย

         เพราะถึงแม้ว่าซากที่เหลือให้เราเห็นอยู่นั้นมันก็ทำให้เราไม่มีหลักฐานยืนยันได้เลยว่าสถานที่ต่างๆเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไรหรือบางสถานที่ที่มีการพูดถึงว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคโบราณปัจจุบันก็ไม่มีให้เห็นแล้วอย่างเช่นสวนลอยของกรุงบาบิโลนซึ่งมันทำได้เพียงแค่ดูจากในตำราเท่านั้นทำให้เราไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสถานที่ต่างๆเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่

         สำหรับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณนั้นจะอยู่ในช่วงประมาณ 5000 ปีก่อนคริสตกาลไปจนถึงปีคริสตศักราช 500 โดยเรื่องราวของสิ่งเหล่านี้จะถูกพบเป็นครั้งแรกในงานเขียนของกวีชาวกรีกนามว่า contra แห่งไซดอนซึ่งนับได้ว่าเป็นการจัดทำบัญชีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเป็นบัญชีแรกของมนุษยชาติอีกด้วยแต่ส่วนใหญ่เป็นสิ่งก่อสร้างในแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก

 

         ซึ่งหลายคนมีกล้ามว่าสาเหตุที่มีการบันทึกเอาไว้เฉพาะแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกก็เพราะว่าในยุคสมัยนั้นน่าจะยังไม่มีเรือที่จะสามารถเดินทางไปยังทวีปอื่นๆได้จึงทำให้ excited นั้นไม่สามารถค้นพบได้ว่าในสถานที่อื่นๆนั้นก็มีสิ่งมหัศจรรย์เช่นเดียวกันจึงระบุไว้เพียงแค่ 7 สถานที่แห่งนี้นั่นเอง

      ซึ่งสิ่งมหัศจรรย์ในยุคโบราณที่มีการพูดถึงการก็ได้แก่พีระมิดแห่งกีซารวมถึงสวนลอยบาบิโลน สล็อต ufabet เว็บตรง  นอกจากนี้ยังมีมหาวิหารอาร์ทิมิสและยังมีเทวรูปซูสที่โอลิมเปียรวมถึงเทวรูปโคโลสซูสแห่งเกาะโรดส์และสุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิสนัดรวมถึงประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย 

      ถ้าหากใครอยากที่จะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งก่อสร้างทั้ง 7 แห่งนี้รวมถึงรูปร่างหน้าตาว่าสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7 สิ่งในยุคโบราณนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรก็สามารถค้นหาข้อมูลจากในตำราเรียนหรือแม้แต่ทางอินเตอร์เน็ตได้เพราะถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายยุคหลายสมัยแล้วของจริงอาจจะไม่มีให้เห็นแล้วแต่ยังคงมีภาพที่มีการวาดเอาไว้จากจินตนาการหรือตามคำบอกเล่าในตำราที่กวีชาวกรีกได้มีการเขียนเอาไว้นั่นเอง