สงครามเย็น ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้ให้กับสัมพันธมิตร

สำหรับสงครามเย็นเกิดขึ้นเมื่อไรยังไม่มีใครกำหนดเอาไว้อย่างแน่ชัดแต่เชื่อว่าจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ฝ่ายสัมพันธมิตรกำลังต่อสู้กับฝ่ายอักษะอย่างดุเดือดเริ่มอ่อนกำลังและเริ่มที่จะพ่ายแพ้เมื่อเห็นท่าทีของฝ่ายอักษะที่อ่อนกำลัง

สงครามเย็น ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้ ฝั่งสัมพันธมิตรจึงเรียกประชุมเพื่อแบ่งผลประโยชน์กันชื่อประชุมว่าYALTAได้แก่สหรัฐอเมริกาอังกฤษฝรั่งเศสและสหภาพโซเวียตและมีข้อตกลงสำคัญๆหลายข้อเช่น หนึ่งเราจะทำการแบ่งประเทศเยอรมันออกเป็น 4 ส่วน แบ่งกันคนละส่วน

ซึ่งตอนนั้นกรุงเบอร์ลินที่เป็นเมืองหลวงสำคัญของเยอรมันได้ตกอยู่ในพื้นที่ที่สหภาพโซเวียตครอบครองซึ่งทุกคนก็มองว่ามันอาจจะไม่ยุทติธรรมเท่าไรนั้นก็เลยแบ่งเมืองหลวงออกเป็น 4 ส่วนให้แต่ละประเทศครอบครองด้วยเช่นกัน 

สองเรื่องระบอบการปกครองจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการปกครองให้ทุกพื้นที่เป็นระบอบประชาธิปไตยปกครองตนเองและให้ประชาชนสามารถเลือกตั้งได้อย่างอิสระเป็นต้น ซึ่งในตอนนั้นเองสตาลินผู้นำของสหภาพโซเวียตยังได้ให้การสนับสนุนผู้นำของอเมริกาว่าจะช่วยอเมริการ่วมรบกับประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้นด้วย

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานสงครามก็จบลงฝ่ายอักษะก็แพ้สงครามไปในที่สุดทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะอย่างเต็มรูปแบบเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วกลุ่มสัมพันธมิตรก็ได้เรียกประชุมภายในกลุ่มอีกครั้งชื่อการประชุมว่าPOTSDAMเสมือนว่าเป็นการทดทวนข้อตกลงกันอีกครั้งหลังจากการประชุมครั้งที่แล้วนั่นเอง

แต่แล้วก็ได้มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อผู้นำของสหรัฐอเมริกาเกิดเสียชีวิตก่อนที่สงครามจะจบลงทำให้สหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีคนใหม่โดยคนใหม่นี้ได้มมีความเห็นที่แตกต่างจากประธานาธิบดีคนเก่าอย่างสิ้นเชิงเพราะว่าเขานั้นไม่ได้สนับสนุนเรื่องของคอมมิวนิสต์และคิดว่าอเมริกามีศักยภาพพอที่ไม่จำเป็นจะต้องง้อสหภาพโซเวียตอีก

ในเรื่องของการสู้รบทั้งนี้ก็เพราะว่าอเมริกากำลังแอบทำขีปนาวุธที่มีความร้ายแรงอย่างลับๆอยู่นั่นเองเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกันและกันทางสหภาพโซเวียตที่มองว่าอเมริกามีความลับต่อพวกเดียวกันดังนั้นทางสหภาพโซเวียตจึงได้ส่งสายลับรัสเซียไปสืบข้อมูล

จึงได้รู้ว่าว่าอเมริกากำลังพัฒนาเครื่องขีปนาวุธที่มีความรุนแรงมากนั่นเองยิ่งทำให้สหภาพโซเวียตไปพอใจอเมริกาและระแวงมากยิ่งขึ้นส่วนทางฝั่งอเมริกาเองก็ไม่พอใจทางสหภาพโซเวียตเช่นกันเพราะมองว่าสหภาพโซเวียตไปได้ทำตามข้อตกลงการประชุมตั้งแต่ครั้งแรก

ในข้อที่ว่าจะให้ประเทศต่างๆปกครองในระบอบประชาธิปไตยแต่สหภาพโซเวียตกลับเผยแพร่การปกครองแบบระบอบคอมมิวนิสต์จนทำให้หลายๆพื้นที่ปกครองแบบคอมมิวนิสต์ไปยังพื้นที่ข้างเคียงและโวเวียตก็ยืนกลางไม่ยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย   gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20

ตำนานชาวราชอาณาจักร นางเงือก

 

ตำนานชาวราชอาณาจักร

         อาณาจักร นางเงือก  สหราชอาณาจักรประกอบไปด้วยประเทศอังกฤษสก๊อตแลนด์ไอร์แลนด์เหนือและส่วนมากจะเรียกกันว่า Seikie ซึ่งแปลว่าผู้หญิงแนวน้ำในตำนานฝั่งสหราชอาณาจักรนี้บ้างก็ว่าเลือกมีนิสัยดุร้ายชอบล่อลวงกะลาสีเรือให้จมน้ำตายหากมีเรือผ่านมาในหมู่เกาะ Shetland เล่ากันว่าเรานางเงือกเป็นสาวที่งดงามมากเงือกมีผิวลื่นเหมือนปลาและต้องรักษาความลื่นนั้นไว้ไม่อย่างนั้นจะกลับลงน้ำไม่ได้อีกเลย

         อีกเรื่องที่โด่งดังเช่นกันว่ากันว่าเมื่อตนหนึ่งจะไปเยี่ยมเยือนนักบวชลูกหนึ่งณสถานที่เคารพสักการะของเกาะโยนาห์ในประเทศสก็อตแลนด์อยู่เป็นประจำทางของชีวิตจิตใจและวิญญาณกับนักบวชรูปนั้นนักบวชก็ขอพรให้เธอแต่มีเงื่อนไขว่าเธอต้องละทิ้งทะเลตลอดไม่สามารถกลับมาเป็นเงือกได้ซึ่งไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถทำใจทิ้งลงได้เธอจึงไปจากเกาะนั้นและร้องไห้ออกมาเป็นก้อนกรวดสีเขียวเทาว่ากันว่าถ้าใครได้เจอก้อนกรวดนั้นนั่นก็คือน้ำตาของนางเงือกนั่นเอง 

 ตำนานเยอรมนี

       เงือกในภาษาเยอรมันคือ  Meerfrau  ตำนานที่โด่งดังของเยอรมนีคือเรื่องราวของลอเรไลซึ่งเป็นหญิงสาวสวยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ริมแม่น้ำไรน์เสียชีวิตเธอชอบล่อลวงหรือให้อัดฟางปัจจุบันยังมีประติมากรรมรูปหล่อของ ลอเรไล ที่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์และเป็นชื่อหน้าพระแม่น้ำที่เมือง Sankt Goarshausen   คือกันว่าวันที่หมอกลงจัดจะเห็นเรายืนอยู่ริมหน้าผา  

 ตำนานบราซิล

      ชนชาติหมอผี  Yoruba  ในบราซิลพวกเขามีความเชื่อเรื่องหญิงสาวที่จะทำหิ้งบูชานางเงือก ชื่อ Mami Wata เชื่อกันว่าเธอเป็นพระแม่ผู้ปกครองชาวผิวดำในสมัยที่มีการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยเธอจะตอบสนองต่อคำอธิษฐานของธาตุเหล่านั้นหรือบางคนที่หายไปในระหว่างที่อยู่บนเรือ

หรือกำลังว่ายน้ําในทะเลว่ากันว่าเป็นเพราะได้ไปในเมืองใต้บาดาลของชาวเงือกและเมื่อกลับมาจะเป็นคนที่ร่ำรวยและมีเสน่ห์มากกว่าเดิม   Mami Wata นั้นมักจะถึงกระจกอยู่ในมือกระจกนี้เป็นตัวแทนของอดีตและอนาคตโดยคนที่บูชาเธอจะสามารถสื่อสารกับเธอได้ผ่านทางกระจกและหิ้งบูชา

         มีตำนานของเงือกหนุ่มเล่าไว้ในบราซิลด้วยว่าผู้ที่เดินทางโดยเรือจะเจอกับเรื่องหนุ่มล้อมรอบเรือและกัปตันเรือต้องแข่งบทกวีกับเรื่องเหล่านั้นถ้าชนะลูกเรือทุกคนก็จะปลอดภัยถ้าไม่เช่นนั้นเราเลือกก็จะทำให้เรืออับปาง

  ในความเป็นจริงนั้นมีหลักการอธิบายเรื่องของเรื่องไว้มากมายเช่นกันเช่นว่านั้นแท้จริงแล้วเป็นพยูน เมื่อมองจากไกลๆแล้วมันดูคล้ายกับคนเลยทีเดียวหรือแม้แต่ท่าทางตอนที่มันให้นมลูกก็ชวนให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนได้เช่นกัน

          Carl Jung ผู้ก่อตั้งทฤษฎีจิตวิทยาวิเคราะห์บอกว่าเงือกนั้นเป็นการจินตนาการของนักเดินเรือเพศชายที่ห่างจากบ้านมานานทำให้คิดถึงครอบครัวและถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีข่าวที่บอกว่ามีผู้พบเห็นนางเงือกตัวเป็นๆมาอยู่บ้างไม่น้อยเช่นกัน 

 

สนับสนุนโดย.    gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20