ตำนานไอ้ไข่

เรื่องราวของตำนานไอ้ไข่นี้มีอยู่สองตำนานตำนานรากเกี่ยวกับว่ามีลูกชายของชาวบ้านคนหนึ่งเค้าชอบมาวิ่งเล่นที่วัดและเด็กชายคนนี้ก็สนิทกับเจ้าอาวาสของวัดนี้มีอยู่วันหนึ่งเด็กชายเรื่องเล่นใกล้ใกล้บอกแถวแถววัดเขาพลาดท่าตกลงไปในบ่อและจมน้ำเสียชีวิตซึ่งหลังจากนั้นทุกๆครั้ง

ในตอนเย็นบางทีเจ้าอาวาสของวัดก็จะเห็นเงาเด็กวิ่งเล่นพอเดินเข้าไปดูใกล้ใกล้ก็ไม่มีอะไร หรือบางครั้งจะเอาวาดก็จะได้ยินเสียงเด็กหัวเราะและเสียงเด็กวิ่งเล่นจะเอามาจริงคิดว่าคุณจะเป็นวิญญาณของเด็กคนนั้นและจังหวัดก็ตั้งชื่อให้เด็กคนนั้นว่าไอ้ไข่ ต่อมาเรามาดูอีกตำนานหนึ่งกันเลยค่ะตำนานหนึ่งคือท่าน เจ้าอาวาสนั้นมีวิญญาณของเด็กผู้ชายค่อยตามติดตัวนของท่าน ในตอนแรกชาวบ้านก็ไม่ค่อยจะเชื่อในเรื่องตำนานนี้เท่าไหร่นักแต่ก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น

ทำให้ชาวบ้านหลายคนหันมาเชื่อเรื่องราวของไอ้ไข่นั้นก็คือเคยมีทหารกลุ่มหนึ่งมาขอนอนที่วัดสักคืนสองคืนจะเอาวัตตาใจดีใจกว้างแล้วก็ให้พวกทหารมันนอนพักหลังจากนั้นเพียงไม่นานเท่านั้นไอ้ไข่ก็ออกมาแกล้งแต่ไอ้ไข่ไม่น่ากลัวนะคะไม่ได้ทำร้ายอะไรเขาเพียงแค่บางทีก็มาดึงขาให้ตกใจเล่นเล่นแขนให้ตกใจเล่นหรือบางคนถ้าเกิดว่าหลับอยู่ไอ้ไข่ ก็จะมาวิ่งเล่นเสียงดังแถวเตียงแล้วก็จะเอามือตบหัวของเราวันต่อมาเราทหารที่นอนพักอยู่ที่วัดทนไม่ไหวจึงได้ไปบอกกับชาวบ้านชาวบ้านก็บอกว่าอาจจะเป็นไอ้ไข่

หรือเปล่าชาวบ้านบอกว่าเวลาทำอาหารน่ะอย่าลืมเอาไปแบ่งเพื่อใช้เซ่นไหว้ให้กับเจ้าไข่ด้วยนะตอนแรกทหารก็ไม่เชื่อนักแต่เมื่อโดนไอ้ไข่หลอกไปบ่อยจริงได้ไปเอาของกินไปเซ่นไหว้และบางคนก็ซื้อของเล่นบังคับ ไปถวายให้กับไอ้ไข่หลังจากนั้นทุกๆคืนต่อมาไอ้ไข่ก็ไม่มาหลอกหลอน

และแกล้งทหารเหล่านั้นอีกเลยทำให้ชาวบ้านเริ่มมีความศรัทธาในตัวไอ้ไข่มากขึ้นหลังจากนั้นชาวบ้านก็เริ่มลองมาขอหวยจากรูปปั้นของไอ้ไข่ซึ่งทุกทุกคนก็บอกว่าไอ้ไข่ให้เลขเด็ดด้วยการไปเข้าฝันหรือทำให้มีเลข ปราก ขึ้นในสิ่งของหรือสิ่งของที่ใช้ในวัดต่างๆ

ซึ่งทุกคยก็ถูกหวยกันทั้งนั้นคะ ซึ่งชาวบ้านหลายหลายคนกำลังพลไปให้ตอนถูกหวยเพราะตอนถูกหวยคนหลายคนก็ทำมาแก้บนด้วยการจุดประทัดสิ่งที่หวัดดีจะอนุญาตให้ตัดประทับต้องสถานที่ด้านหลังของวัดซึ่งเราสามารถรู้ได้เลยว่าชาวบ้านแถวนั้นจะทักกันมากแค่ไหนเพราะเราจะเห็นเลยว่าตรงที่มีที่ริให้สามารถสำหรับที่จะจุดประทัดได้นั้นมีเศษทองประทัดกองเต็มอยู่ราวกับว่าเป็นภูเขาที่สูงชันใหญ่ยักษ์ใหญ่เต็มไปหมด           

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   gclub

ดงละครเมืองโบราณนครนายก

แว่วเสียงของมโหรีปี่พาทย์ จากเมืองลับแลที่ดงละคร จังหวัดนครนายก 

ความมืดทึบของต้นไม้ที่มีจำนวนมากที่เรียกว่าเมืองโบราณดงละคร ในพื้นที่ของจังหวัดนครนายกได้สร้างความน่าสะพรึงให้กับผู้คนที่ด้พบเห็นเป็นอย่างมาก ซึ่งในสมัยก่อนนั้นก็มากไปด้วยของความเชื่อและในคำบอกเล่าว่าในสถานที่แห่งนี้เป้นที่ตั้งของเมืองลับแลเสียงดนตรีปี่พาทย์ที่บรรเลงแว่วมากับสายลมในสำหรับคืนวันพระจึงได้ทำให้ขนลุกไปตามๆกันเพราะเชื่อว่ากันเสียงของดนตรีปริศนาที่ดังมาจากเมืองลับแลถึงแม้ในปัจจุบันกลิ่นอายของเมืองลับแลดงละครก็ยังมีกลิ่นคุงเต็มไปหมดอาถรรพ์ความศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนเมืองลับแล

ก็ยังคงก้องอยู่ในความรู้สึกสำหรับใครที่ได้เข้าสัมผัสก็จะรู้สึกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นพื้นที่ธรรมดาแน่ๆสำหรับเมืองโบราณดงละครซึ่งได้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ได้ร่ําลือกันว่าได้มีเมืองลับแลซ่อนอยู่และได้กล่าวกันว่าสำหรับในวันพระเมืองในยามโพล้เพล้ผู้คนนั้นมักจะได้ยินเสียงผู้คนทั้งผู้หญิงและผู้ชายและเด็กเล็กนั้นได้คุยกันและบางคืนก้จะเป้นเสียงของเครื่องดนตรีไทยของ มโหรี ปี่พาทย์ หรือได้กลิ่นดอกไม้หอมอบอวลออกมาจากข้างในป่ามีความเชื่อกันว่าต้องเป็นของคนชาวเมืองลับแลแน่ๆ ที่พวกเขากำลังจะเก็บดอกไม้นำมาบูชาพระนั่นเองเพราะเชื่อกันว่าในทุกๆวันพระนั้นประตูมิติที่เชื้อมกันระหว่างโลกมนุษย์และของเมืองลับแลจะถูกเปิดออก

ซึ่งจะทำให้มนุษย์นั้นอาจจะได้ยินเสียงบางอย่าหรือได้สัมผัสกับเสียงบางอย่างที่มีความลี้ลบเหล่านี้ได้  ซึ่งชาวบ้านในละแวกนี้ได้มีความเชื่อกันมาแต่เดิมว่าบริเวณที่ดงละครนั้นได้เป็นที่ตั้งของเมืองลับแลที่มนุษย์นั้นไม่อาจสามารถที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อลักษณะในการแต่งกายของคนชาวเมืองลับแลนั้นจะคล้ายกับของคนมนุษย์ในกานทำไร้ไถนาหรือเลี้ยงสัตว์หรือทำหัตถกรรมต่างๆ สำหรับที่มาที่ไปของชื่อดงละครก็ได้มาจากตำนานพื้นบ้านที่ได้เล่าขานกันมาว่าในคืนวันเพ็ญชาวบ้านในแถวนั้นมักจะได้ยินเสียงของปี่พาทย์แว่วดังมาตามป่ามาเรื่อยๆ

แต่ก็ไม่สามารถหาสาเหตุของต้นตอมาได้ว่าเสียงนั้นมันดังมากจากที่ใดทำให้ชาวบ้านขานนามว่าดงละคร คือ ดงที่มีเสียงละครนั่นเอง ตามความเชื่อของชาวบ้านถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ และทำให้เรื่องราวโด่งดังจนมีการเล่าขานโดยปากต่อปากเป็นเวลายาวนานมาจนถึงทุกวันนี้

 

ขอบคุณ วิธีเล่นบาคาร่าให้ได้เงิน ผู้ให้การสนับสนุนเรื่องราว

เรื่องเหล้าเมืองลับแล

คุณรู้หรือไม่ว่าในประเทศไทยเรานั้นก็มีเมืองลับแลจากเรื่องเหล่าสมัยแต่ก่อนให้เรานั้นได้ฟังและได้ศึกษาหาความรู้กันซึ่งจริงๆแล้วก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับเมืองลับแลมากนักซึ่งเมืองลับแลนั้นมีเรื่องราวลึกลับมากมายที่เราไม่รู้และเราเองก็ยังไม่รู้อีกว่าเมืองลับแลแต่ละที่นั้นมีอยู่ที่ไหนบ้างและมีอยู่ในจังหวัดอะไร

วันนี้เรามีเรื่องราวเมืองลับแลมาบอกกล่าวให้ฟังกัน

เมืองลับแลเขาวังสะดึง ในพื้นที่ ต.เขาแร้ง อ.เมือง จ.ราชบุรี

เดิมทีที่เขาวังสะดึงทางด้านทิศตะวันออกจะมีปากถ้ำและซึ่งในปัจจุบันจะมีแผ่นหินแผ่นใหญ่มากที่คอยเปิดด้านปากถ้ำอยู่ด้สนหน้าและผู้คนนั้นก็ไม่สามารถที่จะพยายามเข้าไปในถ้ำได้ในแนะที่แห่งนั้นจึงได้มีประวัติได้เหล่าต่อๆกันมาว่าซึ่งเป็นที่อาศัยสำหรับของชาวเมืองลับแลซึ่งชาวเมืองลับแลจะมีรูปร่างสันทัดคล้ายเมืองอย่างกับคนไทยโดยทั่วไปซึ่งในการแต่งกายนั้นก็เหมือนกับคนไทยในสมัยยุคโบราณและจะมีภาษาในการพูดนั้นที่แตกต่างไปจากคนไทยในส่วนของชาวบ้านนั้นที่พักอาศัยอยู่แถวบริเวณไกล้ๆถ้ำเขาเหล่าว่าเขามักจะได้ยินเสียงดนตรีไทยประเภคของวงปี่พาทย์

ได้ดังแผ่วๆของมาจากข้านในถ้ำลับแลแต่ก็ไม่สามารถหาแหล่งที่เสียงนั้นดังออกมาได้ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ก็ได้เหล่าถึงเรื่องเมืองลับแลต่อกันมาว่าซึ่งในสมัยก่อนเราจะเห็นคนในเมืองลับแลก็ต่อเมื่อช่วงเวลาไกล้ๆค่ำและในชาวเมือลับแลจะออกมาอานน้ำที่อยู่ในสระน้ำที่อยู่ด้านหน้าของเขาวังสะดึงหรือที่เรียกว่าสระพังสำหรับภายในถ้ำนั้นก่อนที่ถูกปิดชาวเมืองลับแลจะวางข้าวของเครื่องใช้ต่างๆเอาไว้ทุกอย่างโดยเฉพาะพวกถ้วยจานเครื่องครัวต่างๆเมื่อชาวไทยในเขตพื้นนั้น

ได้มีงานมงคลชาวบ้านนั้นก็จะขอเข้ามายืมถ้วยจานเครื่องครัวเพื่อจะนำมาใช้หลังจากนั้นเมื่อเสร็จงานมงคลแล้วก็จะนำมาคืนแต่แล้วซึ่งมาในตอนภายหลังเมื่อชาวบ้านนั้นเมื่อได้ยืมเอาไปใช้แล้วและไม่นำกลับมาคืนจึงทำให้คนในเมืองลับแลเกิดอาการความเบื่อหน่ายที่ไม่ยอมเอาเครื่องครัวถ้วยจานนั้นมาคืนคนในเมืองลับแลก็จึงได้นำหินนั้นเอามาปิดด้านหน้าของถ้ำเขาวังสะดึงจากนั้นก็ไม่ออกมาติดต่อกลับภายนอกอีกเลย

เรื่องที่น่าสนใจไม่ใช่แค่เมืองลับแลเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวอื่นๆที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  วิธีเล่นบาคาร่าให้รวย