ความคล้ายคลึงกันที่พบระหว่างวัฒนธรรมของเกาหลี

ความคล้ายคลึงกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมณีปุระ ประเทศอินเดีย เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านภาษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเดลีในปี 2555 เธอเคยทำงานในเดลีในฐานะอาจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยเดลีและเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเทคนิคอุตตรประเทศก่อนเข้าร่วมมหาวิทยาลัยมณีปุระ

เธอมีประสบการณ์ในการสอนภาษาศาสตร์ การสื่อสารระดับมืออาชีพ และภาษาเกาหลี งานวิจัยที่เธอสนใจ ได้แก่ การสอนและการเรียนรู้ภาษาเกาหลี, จิตวิทยาภาษาศาสตร์, เอกสารประกอบภาษา เธอยังทำงานเกี่ยวกับการศึกษารูปแบบไวยากรณ์ภาษาเกาหลีและภาษามณีปุรีที่เปรียบเทียบกันอีกด้วย

พยายามเน้นถึงความสำคัญของแนวคิดทางวัฒนธรรมในขณะที่สอนการเรียนรู้ภาษาเกาหลีในฐานะภาษาต่างประเทศ

การรวบรวมคุณสมบัติบางอย่างที่คล้ายคลึงกันที่พบในทั้งวัฒนธรรมเกาหลีและ Meitei เป็นผลมาจากกระบวนการสอนวัฒนธรรมเกาหลีอย่างต่อเนื่องแก่นักเรียนของ B.A. (เกียรตินิยม) ภาษาเกาหลีในมหาวิทยาลัยมณีปุระ

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างของแนวคิดทางภาษาและวัฒนธรรมของเกาหลีเพื่อให้การพัฒนาทักษะภาษาเกาหลีมีความหมาย

บทบาทของวัฒนธรรมในการเรียนรู้ภาษา แน่นอนว่าในการเรียนรู้ภาษานั้นก็เพื่อการสื่อสารเพื่อตอบสนองการพูดคุยให้สามารถพูดคุยได้อย่างเปิดใจและตรงไปตรงมา ทุกชุมชนล้วนมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชุมชนนั้นๆ

ภาษามีส่วนช่วยในด้านการสื่อสารของวัฒนธรรมใด ๆ พึงระลึกว่าการสื่อสารเกิดขึ้นในรูปแบบวาจาและอวัจนภาษา นี่หมายความว่าทั้งภาษาและวัฒนธรรมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นภาษาจึงไม่สามารถสอนโดยแยกจากกันเพราะภาษามีที่นั่งในวัฒนธรรม โดย  ufabet บาคาร่า    แนวคิดทางภาษาศาสตร์จำนวนมากมาพร้อมกับความหมายแฝงทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแง่มุมที่ไม่ใช่คำพูดของการแสดงออก เช่น รูปแบบการสื่อสารแบบพาราลิงจิสติกส์

ในความเป็นจริงการสื่อสารของมนุษย์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นผ่านรูปแบบที่ไม่ใช่คำพูดเมื่อเทียบกับรูปแบบคำพูดหรือคำพูด บางครั้งอาจเป็นกรณีที่แนวคิดทางวัฒนธรรมหนึ่งในภาษาหนึ่งอาจไม่แสดงออกด้วยวาจาในอีกภาษาหนึ่ง

ดังนั้นการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการเปรียบเทียบวัฒนธรรมพื้นเมืองของผู้เรียนและวัฒนธรรมเป้าหมายจึงเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในพื้นที่เพื่อให้ผู้เรียนซึมซับคำศัพท์ที่สำคัญของวัฒนธรรมเป้าหมายได้ และยังเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความรู้ความเข้าใจไม่ใช่เพียงในเรื่องของภาษาเท่านั้น

แต่ยังเข้าถึงทุกสิ่งที่เป็นชนชาตินั้นๆได้อย่างมากขึ้น ความสำคัญของการเรียนรู้แนวคิดทางวัฒนธรรมในขณะที่เรียนภาษาเกาหลี การเรียนรู้ภาษาใหม่จะแนะนำวัฒนธรรมของภาษาใหม่โดยอัตโนมัติตั้งแต่บทเรียนแรก

มันกลายเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแนะนำความแตกต่างพื้นฐานทั้งหมดของวัฒนธรรมเป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้น โดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือลดข้อผิดพลาดใดๆ ที่เกิดจากผู้เรียนในขณะที่เรียนภาษาใหม่ ต่อไปนี้เป็นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมบางส่วนซึ่งสอนตั้งแต่บทเรียนเริ่มต้น

ตำนานหินเซสโชเซกิ หินฆาตกรรม

ตำนานหินเซสโชเซกิ หินฆาตกรรม แน่นอนว่าหินเซสโชเซกิที่เรากำลบังจะพพูดถึงก็อยู่ในเส้นทางเดินเทรคกิ้งนี้ด้วยเช่นกันและทุกคนรู้หรือไม่ว่าหินเซสโชเซกิ เซสโชเซกิแปลว่าอะไร คำว่าเซสโชเซกิ มันแปลว่าฆาตกรรม ดังนั้นหินเซสโชเซกิมันคือหินที่ชขื่อว่าหินฆาตกรรมเอาแบบวิทยาศาสตร์ก่อน

สาเหตุที่หินก้อนนี้ได้ชื่อว่าหินฆาตกรรมก้เพราะว่ามันตั้งอยู่ในหุบเขาเล็กๆมันเป็นบริเวณ

ที่มันมีออนซนออนเซ็นนี่แหละซึ่งบริเวณตรงที่มันจะมีออนเซ็นหรือมีบ่อน้ำร้อนแปลลว่ามันจะต้องมีความแบบภูเขาไฟนิดนึงแล้วจะต้องเป็นภูเขาไฟที่ยังแอคทีฟอยู่นึกออกไหม

ดังนั้นเมื่อมันมีความร้อนใต้พิภพอะไรต่างๆแต่ละจุดมันก็รีแอคออกมาไม่เหมือนกันใช่ไหมบางจุดมันก็ออกมาในรูปแบบของน้ำร้อนเพราะว่ามีน้ำใต้ดินแล้วก็มีความร้อนอยู่มันก็เลยออกมาเป็นน้ำร้อนหรือว่าบางจุดมันก็ออกมาในฐานะน้ำพุน้ำพุร้อนไกเซอร์

แต่ในจุดนี้สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือมันมีการพ่นแก๊สพวกกำมะถันอะไรต่างๆขึ้นมาสมัยนี้มันก็อาจจะพ่นขึ้นมา

ให้เราได้แค่พอได้กลิ่นอะไรอย่างนี้ แต่ว่าในสมัยก่อนมันเข้มข้นมากๆถึงขนาดที่ว่าคนสมัยก่อนเขาเดินทางไปแถวนั้นและเขาก้ไปสูดดมกำมะถันอะไรต่างๆแล้วเขาก็ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

ซึ่งคนสมัยก่อนเขาไม่ได้มีความรู้อะไรอย่างไง  ufabet บาคาร่า   ดังนั้นเขาก็เลยมองว่าตรงนี้มันจะต้องเป็นที่หลอนมีปีศาจอยู่แน่ๆเลยมันเป็นหินฆาตกรรมใครเข้าไปใกล้เขาไปสัมผัสมันจะต้องตายอย่างไรก็ตามกลับมาที่หินก้อนนี้ต่อพอมันมีคนไปจับไปแตะไปอะไรแล้วก็ตายไปหลายๆคนสุดท้ายมันก็เลยกลายเป็นข่าวลือปากต่อปากนี่มันเซสโชเซกิอย่าไปแตะอย่าไปจับมันก็เลยกลายเป็นตำนานสขึ้นมาแบบนี้นี่แหละ

อย่างไรก็ตามก็ตามสไตล์ของคนสมัยก่อนพอไปเจออะไรที่ตัวเองอธิบายไม่ได้สิ่งที่เขาจะต้องเอามาอธิบายเหตุก็คือตำนานหรือนิทานนั่นเองดังนั้นที่นี่ก็มีตำนานประจำถิ่นเหมือนกันเป็นตำนานของโทมาโมะ โนะ มาเอะ จิ้งจอกเก้าหางที่บอกเลยว่าร้ายมากๆในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นแล้วก็บอกเลยว่าจิ้งจอกตนนี้ชื่อดังมากๆ

เพราะว่าเขาจะไปโยงกับตำนานหลายต่อหลายประเทศในโลกเลยว่านี่คือปีศาจจิ้งจอกตัวเดียวกัน ซึ่งตำนานของปีศาจจิ้งจอกตนนี้ก็จะมาจากกลุ่มงวรรณกรรมที่เรียกว่า โอโทงิ โซชิ มันก็จะเป็นกลุ่มวรรณกรรมของญี่ปุ่นในสมัยมุโรมาจิในนั้นเขาก็จะรวบรวมมตำนานนิทานอะไรต่างๆมาเขียนไว้รวมกัน