ร้านขนมมาการองเจ้าดัง ลาดูเร่ ประกาศปิดทุกสาขาในประเทศไทยภายในสิ้นเดือนสิงหาคมปี 63

        หากใครที่ชื่นชอบการกินขนมอย่างขนมมาการองแล้วก็ ลาดูเร่ ประกาศปิดทุกสาขา คงจะรู้จักชื่อ  ลาดูเร่ กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นร้านขนมมาการองชื่อดังซึ่งเป็นร้านที่มีเจ้าของอยู่ต่างประเทศด้วยร้านดังกล่าวนั้นมีเจ้าของร้านเป็นคนฝรั่งเศสและได้มาเปิดสาขาในประเทศไทย

ซึ่งปัจจุบันนั้นในประเทศไทยนั้นมีหลายสาขามากโดยเฉพาะจะมีการเปิดร้านนั้นในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆซึ่งหักในกรุงเทพฯเราก็สามารถหาซื้อได้ที่สยามพารากอนโดยร้านนี้จะเน้นขายมาการองซึ่งมีรสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทยอย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 9 เดือนสิงหาคมปีพศ2563

ทางด้านเว็บไซต์ของ ลาดูเร่ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของร้านค้าในประเทศไทยได้มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องของการจะปิดร้านลาดูเร่ทุกสาขาในประเทศไทย โดยให้เหตุผลในการปิดสาขาในครั้งนี้ว่าเนื่องจากว่าทางผู้บริหารแจ้งมาว่าจะมีการสิ้นสุดการทำสัญญาไว้กับประเทศไทยโดยเฉพาะที่สยามพารากอนนั้นได้มีการทำสัญญากันไว้และทำครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นจึงได้มีการแจ้งขอปิดสาขาทุกสาขาในประเทศไทยก่อนแต่ถ้าหากว่าทางบริษัทลาดูเร่จะมีการเปิดสาขาที่ไหนก็จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าทราบอีกครั้งหนึ่งทั้งนี้ทางผู้บริหารของ ลาดูเร่  ยืนยันว่าการปิดสาขาของลาดูเร่ในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสอย่างแน่นอน

แต่เป็นการพิจารณาการปิดการสิ้นสุดสัญญาเช่าพื้นที่กับทางสยามพารากอนเองซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีแพลนที่จะเปิดสาขาที่ไหนในประเทศไทยดังนั้นจึงได้มีการประชาสัมพันธ์เอาไว้ให้กับลูกค้าได้ทราบโดยทางร้าน ลาดูเร่ ใจยังคงให้บริการให้ลูกค้านั้นมาซื้อมาการองทานได้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมปีพศ2563 และหลังจากนั้นก็จะปิดกิจการลงซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นการปิดแบบถาวรหรืออาจจะมีการเปิดสาขาใหม่ที่อื่นต้องรอการประชาสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่ง

      สำหรับขนมมาการองนี้เป็นขนมที่ขึ้นชื่ออย่างมากเนื่องจากว่าร้านลาดูเร่นั้นเป็นร้านชื่อดังในประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียวซึ่งได้มีการขยายกิจการมาเปิดสาขาในประเทศไทยและก็ได้รับความนิยมจากเราไฮโซเป็นอย่างมากเนื่องจากขนมอร่อยและมีสีสันสวยงามน่ารับประทานอีกทั้งร้าน ลาดูเร่ ยังเป็นร้านขนมเบเกอรี่เจ้าแรกๆที่นำขนมมาการองมาขายในประเทศไทยและเป็นเจ้าแรกที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลามเลยทีเดียว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   ติดต่อ ufabet

คุณรู้หรือไม่ว่าภาพสีน้ำที่มีราคาแพงที่สุด ในโลกนั้นเป็นภาพของใคร

          ภาพสีน้ำที่มีราคาแพงที่สุด หากเรากำลังพูดถึงเรื่องของภาพวาดโดยเฉพาะภาพสีน้ำนั้นเสื้อผ้าสำหรับคนที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะการวาดภาพแล้วจะรู้ว่า  ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ภาพวาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังจะมีราคาสูงมากและถึงแม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานมากแค่ไหนแต่ภาพวาดนั้นราคาจะไม่ตกเลยโดยเฉพาะภาพวาดของศิลปินดังๆซึ่งปัจจุบันนั้นอาจจะมีการเสียชีวิตไปแล้วยิ่งผ่านไปหลายปีภาพนั้นก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้น

         อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าในปัจจุบันนั้นมีภาพสีน้ำอยู่ภาพหนึ่งซึ่งเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปเป็นอย่างมากโดยเฉพาะพวกเราเศรษฐีทั้งหลายต่างพากันพยายามแย่งที่จะซื้อภาพวาดนี้มาไว้ในครอบครองของตนเองเรียกได้ว่าภาพนี้เป็นภาพที่มีราคาแพงและราคาสูงมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ซึ่งคุณรู้หรือไม่ว่าภาพนั้นเป็นภาพของใคร

    สำหรับภาพที่มีราคาแพงมากที่สุดในโลกเป็นภาพที่วาดโดยศิลปินที่ชื่อว่า  วินเซนต์แวนโก๊ะ  

ซึ่งรูปภาพที่แพงที่สุดในโลกในขณะนี้นั้นเป็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่หลายคนมองว่าเป็นภาพที่สวยงามมากๆนั่นก็คือภาพของโมนาลิซ่านั่นเอง ภาพสีน้ำที่มีราคาแพงที่สุด เชื่อว่าสำหรับคนที่ชื่นชอบงานด้านศิลปะแล้วก็เวลาที่คุณมองภาพของโมนาลิซ่านั้นคุณจะเห็นความงดงามของหญิงสาวที่เกิดในสมัยยุคโบราณที่ได้มาเป็นแบบในการวาดภาพในครั้งนี้โดยการวาดภาพนี้ใช้เป็นสีน้ำซึ่งหญิงสาวในภาพนั้นเธอเป็นคนที่สวยที่สุดในสมัยนั้นนั่นเอง

           อย่างไรก็ตามถ้าหากเรามาดูกันในสมัยนี้จะเห็นได้ว่าภาพโมนาลิซ่านั้นถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้ชื่นชอบงานศิลปะใดๆเลยก็คงจะมองว่าก็เป็นเพียงแค่ภาพของผู้หญิงในสมัยโบราณที่ไม่ได้มีความสวยงามอะไรแต่อันที่จริงแล้วถ้าหากคุณชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะและแล้วก็ภาพนี้โดดเด่นอย่างมากเลยทีเดียว  

         เป็นที่ต้องการของคนทั้งโลกและยิ่งศิลปินที่วาดภาพนี้คือวินเซนต์แวนโก๊ะแล้วก็เรียกได้ว่าราคาเฉพาะศิลปินก็แพงลิบลิ่วแล้วสำหรับภาพอันสูงค่าของโมนาลิซ่านี้ปัจจุบันนี้มีราคาสูงถึง 800 ล้านบาทกันเลยทีเดียวและภาพนี้ว่ากันว่ามีการวาดรูปขึ้นมาตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1890  

             ซึ่งหลังจากที่ว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงเวลานั้นเศรษฐีทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวอเมริกันรวมถึงชาวฝรั่งเศสต่างก็พากันแย่งซื้อภาพนี้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวปัจจุบันนี้ไม่ได้มีการระบุว่าภาพของมูลค่านั้นอยู่กับใครเพราะเรียกได้ว่าเป็นภาพที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานและเป็นผลงานด้านศิลปะของ แล้วเป็นระดับโลกอย่างวินเซนต์แวนโก๊ะนั่นเอง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย   ทางเข้า ยูฟ่าเบท มือถือ

ตำนานมนุษย์กินคน  Sawney Bean

            มนุษย์กินคน  Sawney Bean หากพูดถึงมนุษย์กินคนย่อมมีเรื่องเล่าและตำนานซึ่งมนุษย์กินคนที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ว่ากันว่าเป็นมนุษย์กินคนที่มีประวัติการกินคนเยอะมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้โดยบุคคลที่ถูกตั้งฉายาว่าเป็นมนุษย์กินคนที่กินคนเข้าไปเยอะมากที่สุดในโลกนั้นมีชื่อว่า Sawney Bean 

โดยผู้ชายคนนี้เป็นลูกชายของครอบครัวที่่หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างไม้ซึ่งครอบครัวนี้มีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศสก็อตแลนด์   สำหรับชีวิตในวัยเด็กของ  Sawney Bean นั้นพ่อแม่ไม่ค่อยเอาใจใส่มากนักเนื่องจากมีฐานะยากจนจึงต้องพยายามหาเลี้ยงชีพและไม่ค่อยสนใจลูกของตนเอง 

          จนเมื่อ  Sawney Bean เติบโตเป็นหนุ่มเขาได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Black  มนุษย์กินคน  Sawney Bean ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นก็มีชีวิตและแนวทางดำเนินชีวิตไม่ต่างกับSawney Bean เลยเมื่อคนทั้งคู่ได้แต่งงานและอยู่ด้วยกันถ้าเมืองต่างก็พากันไม่ชอบครอบครัวของSawney Bean กับ Black จนในที่สุดทั้งคู่ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่อื่นและได้มีการไปอาศัยอยู่ในป่าโดยใช้ถ้ำแห่งหนึ่งเป็นบ้านเพื่ออยู่อาศัยซึ่งลักษณะของถ้ำแห่งนี้บริเวณหน้าปากทางเข้าถ้ำนั้นจะค่อนข้างแคบแต่เมื่อเดินทะลุเข้าไปข้างในจะเป็นของที่ใหญ่มากๆ หลังจากนั้น Sawney Beanก็อาศัยอยู่กับภรรยาของเขาที่ถ้ำแห่งนั้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

         แต่เรื่องราวไม่ได้จบเพียงเท่านั้นเพราะทั้งคู่ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรดังนั้นจึงใช้วิธีการดักปล้นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปเที่ยวในป่าฆ่าทิ้งและนำทรัพย์สินรวมถึงอาหารของนักท่องเที่ยวมากินมาใช้อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ไปนานๆสองสามีภรรยาก็มีลูกด้วยกันทำให้การปล้นและฆ่านักท่องเที่ยวนั้นไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในที่สุดSawney Bean ก็ได้ตัดสินใจนำศพของนักท่องเที่ยวที่ตนเองฆ่าตายมาแล่เนื้อแล้วนำไปประกอบอาหารและนำมาให้ภรรยาและลูกกิน

         ซึ่งทั้งภรรยาและรูปนั้นต่างก็ชื่นชอบรสชาติของเนื้อมนุษย์เป็นอย่างมากและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทำให้ทุกครั้งที่มีการปล้นนักท่องเที่ยวและมีการฆ่านักท่องเที่ยวก็จะมีการนำศพมาหันแรกเนื้อและใช้ประกอบอาหารและนี่คือจุดเริ่มต้นของมนุษย์กินคนนั้นเอง 

       และจากการที่มีการนำที่ Sawney Beanและคนในครอบครัวฆ่าคนและนำมาเกินเยอะมากยิ่งขึ้น วิธีการกำจัดเศษซากกระดูกพวกเขาเอาชิ้นส่วนไปทิ้งในแม่น้ำและทะเล  และแม้ชาวบ้านจะเห็นโครงกระดูกของศพ แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าศพเหล่านั้น  จนในที่สุดเวลาผ่านไป 25 ปี ทำให้ชาวบ้านได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วครอบครัวของ Sawney Bean เป็นคนฆ่าคนและนำคนไปกิน จนนำมาสู่การจับกุมและสอบสวนจนสามารถกำจัดครอบครัวของ Sawney Bean ได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet บนมือถือ

ตำนานสยองขวัญของบ้าน The  Amityville 

      บ้าน The  Amityville   คือบ้านเก่าแก่หลังหนึ่งซึ่งมีอายุมานับเป็นร้อยปีแล้วโดยบ้านแห่งนี้นั้นอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งลักษณะของตัวบ้านนั้นมีการปลูกเหมือนคล้ายกับโรงนาทรงสูงเป็นลักษณะของบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล   ความโด่งดังของบ้านหลังนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นบ้านแห่ง

         ตำนานของคนอเมริกันเลยก็ว่าได้หากพูดถึงชื่อบ้านหลังนี้แล้วเราก็แทบจะไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อเสียงของบ้านหลังนี้เลยเนื่องจากว่าบ้านหลังนี้นั้นมีการกล่าวถึงความน่ากลัวและความสืบสยองภายในบ้านเราบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยวิญญาณผีสิงของคนในครอบครัวที่เสียชีวิตไปภายในบ้านหลังนี้ทั้งหมดรวม 6 คนนั้นเอง 

    ตามตำนานที่พูดถึง บ้าน The  Amityville  นั้น ในช่วงเริ่มแรกเดิมทีของการสร้างบ้านหลังดังกล่าวนี้  บ้านหลังนี้ไม่มีเรื่องราวน่ากลัวอะไรเลยเป็นบ้านของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปที่มีพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่รวมกันแต่เราอยู่มาวันหนึ่งเรื่องราวก็เกิดขึ้นเมื่อมีลูกชายคนโตที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้อยู่ๆก็ก่อเหตุฆาตกรรมคนในครอบครัวทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือแม้แต่น้องชายทำให้ในบ้านหลังนี้นั้นมีคนเสียชีวิตรวมกันทั้งหมด 6 คนด้วยกัน

          โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณต้นปีของปีคศ 1974 และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุฆาตกรรมกันภายในบ้านจึงได้รุดไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวแล้วก็ไปพบศพจริงๆซึ่งแต่ละศพนั้นถูกฆ่าตายในขณะที่พวกเขานั้นยังคงนอนหลับพักผ่อนโดยที่พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าชีวิตของพวกเขานั้นจะถึงจบแล้วสีมือของ  ดอว์น เดอฟีโอ   ลูกชายคนโตของบ้านหลังนี้นั่นเอง 

          สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้  และเขาก็ให้การว่าในระหว่างที่เขายืนอยู่นั้นเขาได้ยินเสียงคนกระซิบมาบอกให้เขานั้นฆ่าคนในครอบครัวทั้งหมดและที่สำคัญก็ยังเห็นเงาที่มีลักษณะสีดำคล้ายกับคนเดินเอาปืนมาใส่มือของเขา

    หลังจากนั้นก็บอกให้เขานั้นการคนในครอบครัวและเมื่อได้ยินคำพูดนี้เขาก็จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้อีกเลยแต่เขาคล้ายกับได้ยินเสียงปืนดังอยู่หลายนัดมารู้สึกตัวอีกทีก็ทำให้คนในครอบครัวนั้นเสียชีวิตกันหมดแล้ว

      นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าใครมาซื้อบ้านหลังนี้และย้ายเข้ามาอยู่ทุกคนจะพูดเสียงเดียวกันว่าบ้านหลังนี้มีเรื่องราวประหลาดมีเหตุการณ์ให้ชวนสยองขวัญ  นั่นก็คือบางครั้งได้ยินเสียงคนเดินไปอยู่ภายในบ้านทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่หรือบางทีก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าหรือบางครั้งก็มีของเหลวเปื้อนบริเวณภายในห้องน้ำ

          ซึ่งของเหลวนั้นมีสีดำและยังมีกลิ่นเหม็นอีกด้วยทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะมาอาศัยในบ้านหลังดังกล่าวและนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบ้านหลังนี้ก็กลายมาเป็นตำนานของความสยองขวัญนั้นเอง         

 

ขอบคุณ.  ufabetฝ่ายบริการ   ที่ให้การสนับสนุน