ตำนานแม่น้ำกุดนางใย แม่น้ำสายสำคัญ ของจังหวัดมหาสารคาม

         ที่จังหวัดมหาสารคามนั้นจะมีแม่น้ำสายหนึ่งที่ชาวบ้านต่างก็เรียกชื่อแม่น้ำสายนี้ว่า ตำนานแม่น้ำกุดนางใย   ซึ่งแม่น้ำสายนี้มีมาตั้งแต่พุทธศักราช 2408   โดยผู้ที่สร้างแม่น้ำสายนี้ขึ้นมาก็คือเจ้าเมืองมหาสารคามองค์แรกนั่นก็คือพระเจริญราชเดชนั่นเอง

        ส่วนสาเหตุที่ทำให้มีการขุดลอกแม่น้ำสายนี้ขึ้นมานั่นก็เพราะว่าพระเจริญราชเดชต้องการให้แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำสายหลักในการดำรงชีวิตของชาวบ้านโดยจะให้ชาวบ้านนั้นได้ใช้อุปโภคบริโภค 

          และสร้างเอาไว้ใช้ยามที่ถึงช่วงฤดูแล้งไม่มีน้ำใช้ชาวบ้านก็จะได้นำน้ำนี้ไปใช้ในการลดพืชผักของตนเองนั่นเอง    อย่างไรก็ตามแม่น้ำสายนี้ถือว่ามีอายุเก่าแก่มากแล้วซึ่งปัจจุบันนี้แม่น้ำสายนี้ยังคงมีอยู่แต่น้ำในแม่น้ำนั้นหร่อยหรอลงไปมากแล้วเหลือเพียงแค่ล่องลอยในประวัติศาสตร์เท่านั้น

    ว่าที่นี่เคยเป็นแหล่งน้ำสายสำคัญสำหรับแม่น้ำสายนี้นั้นอยู่ในพื้นที่ประมาณ 2 ไร่และอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม  ที่สำคัญตรงบริเวณแม่น้ำขวดใหญ่ไหมนั้นยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์สมัยของพระเจริญราชเดชโดยชาวบ้านเชื่อกันว่าวัตถุโบราณที่มีการสร้างเอาไว้ตรงแม่น้ำกุดนางใย  นั้นน่าจะสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยที่เริ่มมีการสร้างเมืองโดยวัตถุโบราณที่ว่านี้คือเสาหงษ์ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเอาของต้นนี้นั้นไปช่วยพิทักษ์รักษาบ้านเมืองให้เกิดความสงบร่มเย็นนั่นเอง

        ส่วนตำนานที่พูดถึง ตำนานแม่น้ำกุดนางใย นั่นก็เพราะว่าในสมัยอดีตกาลนั้นมีครอบครัวหนึ่งซึ่งอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกลูกชายได้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งทั้งสามคนก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามปกติแต่อยู่มาวันหนึ่งลูกชายต้องไปขายของเงินฝากเมืองทิ้งให้แม่ของตนเองแล้วก็ภรรยานั้นอยู่ด้วยกันสองคนในช่วงเวลากลางคืนแม่สามีเห็นว่าลูกสะใภ้นั้นเข้าห้องนอนแล้วแต่ไม่ยอมดับตะเกียงจึงตั้งใจที่จะไปบอกให้ลูกสะใภ้นั้นดับตะเกียงนอน

            แต่เมื่อกำลังจะเปิดประตูแม่สามีกลับเห็นว่าลูกสะใภ้มีท่าทีแปลกๆมีลักษณะของการสาวใยไหมออกจากปากทำให้แม่ผัวนั้นค่อนข้างที่จะหวาดกลัวจึงไปเล่าเรื่องดังกล่าวให้เพื่อนบ้านฟังและตกกลางคืนอีกวันรุ่งขึ้นก็พากันมาแอบดูแล้วพอเห็นว่าลูกสะใภ้นั้นมีการสาวใยไหมออกจากปากจริงๆจึงได้มีการเปิดประตูเข้าไปแล้วไปพูดคุยกับหญิงสาวคนดังกล่าวว่าหญิงคนนั้นเป็นภูตผีปีศาจหรือไม่พร้อมทั้งขับไล่ออกจากบ้าน

 ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเสียใจและอับอายมากจึงได้ไปกระโดดน้ำแถวบ้านหลังจากนั้นก็หายไปเมื่อสามีของหญิงสาวกลับมารู้ว่าภรรยาของตนเองและไปกระโดดน้ำก็ไปนั่งเสียใจอยู่ตรงบริเวณริมแม่น้ำนั้นทุกวันซึ่งมันนานทีเขาก็จะมองเห็นว่าภรรยาของเขานั้นมีเงาอยู่ในน้ำและกำลังนั่งชักใยออกจากปากตนเองซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านร่ำลือกันและมีการตั้งชื่อแม่น้ำสายนี้ว่าแม่น้ำกุดนางใยนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย   www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

การฉลองวันตรุษจีนที่ถูกต้อง

             สำหรับ การฉลองตรุษจีน ในประเทศไทยนั้นจะนิยมจัดการ เฉลิมฉลองเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นโดยในวันแรกนั้น จะเป็นวันที่เรียกว่ามันซื้อซึ่งในวันนี้จะเป็นวันที่เราไปหาแม่บ้านทั้งหลายจะต้องออกมาตลาดเพื่อซื้อของเซ่นไหว้ไม่ว่าจะเป็นหมูเห็ดเป็ดไก่หรือแม้แต่ผลไม้ต่างๆรวมถึงสิ่งของที่จะใช้นำไปประกอบอาหารที่จะนำมาเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนเป็นวันที่ 2 นั้นจะเป็นวันไหว้

         ซึ่งวันนี้จะเป็นการที่นำของที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานนำมาไว้ถวายเทพเจ้าโดยจะมีการนำเนื้อสัตว์และผลไม้รวมถึงอาหารต่างๆมาเส้นไหว้เทพเจ้าตั้งแต่เช้าหลังจากนั้นวันที่ 3 จะเป็นช่วงของเทศกาลวันตรุษจีนซึ่งวันนี้จะเป็นวันที่ทุกคนจะต้องพักผ่อนเดินทางไปท่องเที่ยวและไม่ทำงาน  ซึ่งในทุกๆปีสำหรับคนไทยเชื้อสายจีนหรือว่าคนจีนที่อยู่ในประเทศไทยก็มักจะจัดการเฉลิมฉลองกันโดยกำหนดการในเทศกาลวันตรุษจีนในประเทศไทยนั้นก็จะมีเพียงแค่ 3 วันนี้เท่านั้น

        แต่สำหรับในประเทศจีนแล้ว การฉลองวันตรุษจีน นั้นนับว่าเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมากดังนั้นประเทศจีนจะมีการหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนและมีการเฉลิมฉลองกันทั้งสิ้นทั้งหมด 15 วันด้วยกัน  เรามาดูกันว่าในแต่ละวันนั้นคนจีนนิยมทำอะไรกันบ้าง

          สำหรับในวันแรกนั้นคนจีนมองว่าเป็นวันเริ่มต้นของวันใหม่หรือวันเริ่มต้นของปีใหม่ดังนั้นวันนี้จึงเป็นวันที่ทุกคนนั้นต่างก็จะต้องมีการบำเพ็ญสิจน์ด้วยการที่จะไม่กินเนื้อสัตว์จะกินแค่ผักและผลไม้เท่านั้นซึ่งวันนี้คนจีนเชื่อว่าจะเป็นวันที่เหล่าบรรดาเทวดาทั้งหลายจะมายังโลกดังนั้นจึงต้องมีการทำร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์นั่นเอง 

        วันที่ 4 เป็นวันสำหรับกราบไหว้บรรพบุรุษเทวดาทั้งหลาย  ส่วนวันที่ 3 และวันที่ 4 นั้นก็จะเป็นการที่บรรดาลูกหลานจะกลับบ้านเพื่อไปกราบไหว้ปู่ย่าตายายของตนเองหรือถ้าหากบ้านไหนมีลูกเขยก็จะมีการพาลูกเขยเข้าบ้านเพื่อไปกราบไหว้บรรพบุรุษและคนในครอบครัว  ส่วนวันที่ 5 นั้นทุกคนจะไม่เดินทางไปไหนแต่จะรวมตัวกันอยู่ที่บ้านเลยคนจีนเชื่อวันนี้เทพเจ้าแห่งความร่ำรวยจะมาเยือนที่บ้านดังนั้นทุกคนจะต้องรวมตัวกันอยู่ที่บ้านเพื่อรับเทพเจ้า   

         พอต่อมาวันที่ 6 ก็จะเป็นการที่ทุกคนจะออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องหรือไปทำบุญที่วัดเพื่อทำการสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัวส่วนวันที่ 7 นั้นก็จะเป็นการเฉลิมฉลองด้วยการนำผลิตผลของชาวเกษตรกรออกมาทำอาหารรับประทานเช่นการกินหมี่ซั่วซึ่งแผนที่ทำอะไรกินนั้นก็จะมีความหมายดีๆเข้ามาอย่างเช่นถ้ากินปลาดิบก็หมายถึงว่าจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จหรือถ้าหากกินหมี่ซั่วก็จะทำให้ชีวิตอย่างนั้นเอง 

          สำหรับวันที่ 8 จะมีการรวมตัวกันของคนในครอบครัวเพื่อสวดมนต์ขอพรจากเทพเจ้าโดยในวันนี้จะเป็นการขอพรเทพเจ้าเทียนกงโดยจะมีการขอพรในช่วงเวลาเที่ยงคืนและพอวันที่ 9 ก็จะเป็นการสวดมนต์ขอพรกับเซียนฮ่องเต้  หลังจากนั้นวันที่ 10 ถึงวันที่ 12 ก็จะเป็นการเชิญบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนๆให้มากินอาหารที่บ้านเหมือนกับเป็นการรวมตัวกันส่วนวันที่ 13 นั้นก็จะเป็นการกินอาหารกันธรรมดาของคนในครอบครัวแต่วันนี้จะมีอาหารชนิดหนึ่งถูกนำมาตั้งโต๊ะด้วยนั่นก็คือผักดองกิมจิโดยมีความเชื่อว่าหากกินดองกิมจิในวันที่ 3 จะเป็นวิธีการชำระร่างกายให้สะอาดบริสุทธิ์นั่นเอง

          รอวันที่ 14 ก็จะมีการจัดการเฉลิมฉลองโดยมีการตกแต่งบ้านด้วยโคมไฟสีแดงและ เมื่อถึงวันที่ 15 ก็จะเป็นการเริ่มเทศกาลวันตรุษจีนเป็นการเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้นั่นเอง 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    sa casino ฟรี300

การพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

ซึ่งหากพูดถึงการที่มนุษย์ได้รบกับสัตว์แล้วมนุษย์พ่ายแพ้ หลายคนน่าจะไปนึกถึงสัตว์ร้ายอะไรต่างๆ การพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ อย่างหนึ่งเช่น เสือ กระทิง หมี หรือว่าไปนึกถึงสัตว์ใหญ่ๆอย่างช้างแต่จริงๆแล้วสัตว์ที่มนุษย์ไปรบด้วยแล้วก็พ่ายแพ้ยับคือ นก มันไม่ใช่นกที่ธรรมดามันเป็น นกEmu bird 

โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปออสเตรเลียจะอาศัยอยู่บริเวณออสเตรเลียตอนกลางแล้วทีนี่ถามว่ามนุษย์ไปรบกับนกEmu birdได้อย่างไงมีอะไรเกิดขึ้นต้องย้อนกลับไปถึงประวัติศาสตร์ของออสเตรเลียเลยต้องบอกเลยว่ามีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์โลก

เพราะว่าเราเล่าเรื่องการต่อสู้นกกับคนแต่ก็ยังมีประวัติศาสตร์เข้ามาร่วมด้วยถามว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงไหนของมนุษยชาติมันเกิดขึ้นปีค.ศ.1932 แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงปีค.ศ.1932เราจะพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก่อนโดยเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับประวัติศาสตร์โลกนั่นก็คือสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั่นเองโดยเป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่

การพ่ายแพ้ครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ดังนั้นมันได้ทำให้เกดผลกระทบต่างๆไปทั่วโลกปรากฎว่าในช่วงปี1918เป็นช่วงที่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้สิ้นสุดลงแน่นอนว่าพอสงครามสิ้นสุดแต่ละคนก็จะเดินทางกลับบ้านโดยเฉพาะพวกทหารที่มีเยอะมากๆที่มารบอยู่ในยุโรปถ้าหากออสเตรเลียก็มีการเดินทางกลับมาบ้านที่ออสเตรเลียพร้อมกับอาชีพที่หายไปเพราะว่าไม่มีการสู้รบแล้วรวมไปถึงอีกกลุ่มนึงก็คือพวกทหารผ่านศึกก็คืออังกฤษ

นอกจากนี้ก็ได้ย้ายมาที่ออสเตรเลียแน่นนอนว่ารัฐบาลออสเตรเลียในสมัยนั้นก็จะต้องมีการจัดสรรที่ทำกินอะไรต่างๆให้เพราะว่าพวกนี้ไม่ได้มีอาชีพเหมือนเดิมแล้วเพราะในตอนสงครามโลกมันจะต้องมีการเกณฑ์ทหารที่เยอะมากๆรัฐบาลออสเตรเลียได้สมัยนั้นก็มีการจัดสรรคที่ดินทำกินให้กับทหารผ่านศึกในบริเวณที่เรียกว่าWest Australiaตะวันตก

ซึ่งในบริเวณนั้นในยุตสมัยนั้นถือว่าเป็นที่ดินรกร้างยังไม่มีคนมาอาศัยอยู่และยังเป็นที่ดินผืนใหญ่มากโดยทหารผ่านศึกที่ได้รับการจัดสรรคที่ดินให้ไปอยู่ออสเตรเลียตะวันตกก็มีประมาณ5,000นายด้วยกันเรียกได้ว่าก็เยอะอยู่พอสมควรแล้วถามว่าพอได้รับการจัดสรรคที่ดินไปแล้วเขาเอาไปทำอะไรกัน

เพราะฉะนั้นแน่นอนแล้วว่าก็จะต้องนำเอาไปทำพวกเกษรตกรอะไรต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาจะทำอย่างนึงนั่นก็คือการปลูกทุ่งข้าวสาสีนั่นเองเรียกได้ว่ามีทุ่งข้าวสาสีเกิดขึ้นบริเวณนั้นอมย่างไรก้ตามในการเพาะปลูกบริเวณนั้นมันก็มีปัญหาอยู่เหมือนกันปี1929ก็มีเหตุการณ์นึงที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือมันเกิดความแห้งแล้งเกิดขึ้นและเศรษฐกิจก็ดันมาตกต่ำหลังสงครามโลกเป็นผลกระทบไปทั่วโลก

 

สนับสนุนโดย.   Ufabet เข้าสู่ระบบ