วัดพระธาตุดอยกองมู  จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

         วัดพระธาตุดอยกองมูจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเก่าแก่โบราณเป็นปูชนียสถานที่ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่คู่กับชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาอย่างยาวนานที่นี่นับได้ว่าเป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์และมีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ศิลปะการก่อสร้างเจดีย์หรือวิหารภายในวัดพระธาตุดอยกองมูส่วนใหญ่นั้นจะใช้ศิลปะแบบขอมซึ่งถ้าหากใครได้มีโอกาสได้ไปเห็นวัดพระธาตุดอยกองมูก็จะเห็นได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นโบสถ์วิหารรวมถึงแม้แต่กำแพงต่างๆนั้นเป็นลักษณะของการใช้ศิลปะแบบมอญแทบทั้งสิ้น 

        วัดพระธาตุดอยกองมู สำหรับใครที่เดินทางมากราบไหว้ขอพรวัดพระธาตุดอยกองมูนั้นคุณจะต้องมีการขับรถออกจากตัวเมืองมาประมาณ 3 กิโลเมตร

ซึ่งโตวัดนั้นจะอยู่ทางทิศตะวันตกโดยจะอยู่บนดอยที่ชื่อว่าดอยกองมูโดยนักท่องเที่ยวจะต้องมีการขับรถมาบนถนนผ่านมาทางแยกทางหลวงสาย 108 ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องมีคอยการสังเกตให้ดีโดยนักท่องเที่ยวจะต้องมองว่าใกล้ถึงกับอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทจะเห็นภูเขาลูกหนึ่งซึ่งมีการสร้างถนนเป็นแบบทางลาดยางนักท่องเที่ยวสามารถขับขึ้นไปบนภูเขานั้นได้เลยโดยเข้าไปประมาณแค่เพียง 1.5 กิโลเมตรเท่านั้นก็จะถึงบริเวณพื้นที่ของวัดพระธาตุดอยกองมูแล้ว 

           จากประวัติที่มีการศึกษากันมานั้นระบุว่าที่วัดแห่งนี้นั้นเดิมเป็นการสร้างขึ้นมาโดยตั้งชื่อว่าวัดปลายดอย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ    ซึ่งภายในวัดนั้นจะมีพระธาตุเจดีย์ที่สวยงามอยู่ 2 องค์ด้วยกันโดยมีการสร้างขึ้นในช่วงประมาณปี 2413 เป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ภายในใช้สำหรับบรรจุพระบรมธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ

ซึ่งว่ากันว่าพระธาตุนี้ได้มีการอัญเชิญมาจากประเทศพม่าเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามในช่วงประมาณปี 2497 นั้นได้มีการสร้างพระธาตุเจดีย์อีกองค์นึงขึ้นมาซึ่งองค์ที่ 2 นี้จะมีขนาดเล็กกว่าสำหรับผู้ที่สั่งให้มีการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์องค์ที่ 2 ขึ้นมานั่นก็คือเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรกนั่นก็คือพระยาสิงหนาทราชานั่นเอง 

          ความงดงามของพระธาตุองค์ใหญ่นั้นจะเห็นได้ว่าได้มีการนำปูนมาปั้นแล้วมีการแกะสลักลวดลายนอกจากนี้ฐานของพระธาตุนั้นยังสร้างเป็นฐานแบบ 8 เหลี่ยม ซึ่งมีการสร้างกันเอาไว้ซ้อนกันถึง 3 ชั้นเลยทีเดียวและพื้นที่บริเวณโดยรอบทั้ง 8 ทิศนั้นก็ได้มีการทำซุ้มเอาไว้ซึ่งภายในนั้นก็จะมีพระพุทธรูปมาประดิษฐานอยู่อีกด้วย

โดยตัวพระธาตุนั้นจะมีการทาสีขาวทั้งหมดซึ่งเป็นภาพที่งดงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากว่าใครเดินทางมาชมความสวยงามในช่วงเวลากลางคืนจะเห็นว่าทางวัดได้มีการนำไฟมาประดับตกแต่งทำให้พระธาตุนั้นมีความงดงามมากขึ้นไปอีก 

พวกมองโกลทำการบุกเมืองตะโก้งแตก

โดยในปีคริสต์ศักราช1278 จึงส่งแม่ทัพนำกองทัพไปที่ป้อมปราการที่ชายแดนกองหนึ่งอีกอีกกองหนึ่งส่งไปยังป้อมกองซินชายแดนอย่างไรก็ดีพวกมองโกลก็ยังไม่พร้อมจน5ปีร่วงไปแล้วในระหว่างนั้นกษัตริย์พม่าส่งพระโอรส3พระองศ์ลงไปยังพม่าตอนล่าง

การบุกเมืองตะโก้งแตก เพื่อป้องกันมอญไม่ให้กบฏและเพื่อป้องกันไม่ให้พม่าตอนล่างจากพวกมองโกลหากกรุงพุกามแตกแม้ว่าพวกมองโกลจะดูสงบลงแต่พวกไทยหาเป็นเช่นนั้นไม่ พวกไทยที่รุกรานไปปะทะกับทหารพม่าเนืองๆทหารพม่าป้องกันตัวด้วยการติดตามผู้รุกรานไปยังดินแดนมองโกล

ส่วนในตระนาวสีพวกมอญได้ก่อการกบฏขึ้นในปีคริสต์ศักราช1283 กองทัพใหญ่ของพวกมองโกลรวมด้วยทหารไทยที่มาเสี่ยงโชคเข้ามายังดินแดนพม่าและเข้าโจมตีป้อมซองยานแตกและอีกสัปดาห์นึงต่อมาป้อมกองสินก็แตกพร้อมด้วยทหารอีกหมื่นคนที่ถูกฆ่าตาย

นอกจากนี้แม่ทัพพม่า2คนรวมไพรพลที่เหลือถอยกลับไปหวังไปยึดที่มั่นที่กรุงพุกามแต่ในขณะนั้นพระเจ้านรสีหบดีเสียกำลังใจแล้วจึงรีบหนีลงมาตามแม่น้ำอิรวดีการกระทำอันขี่ขาดเช่นนี้ทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักในพงศาวดารต่อมาว่า กษัตริย์ผู้หนีจีนแม่ทัพใหญ่ถูกฆ่าตายในการรบ

ข่าวการตายของแม่ทัพพร้อมด้วยกษัตริย์จากกรุงพุกามทำให้กองทหารพม่าหวาดกลัวระส่ำระสายในวาระนี้ทางเข้าเมืองพุกามมก็เปิดอย่างสะดวกอย่างไรก็ดีพวกกมองโกลยังรีรอที่จะติดตามกองทัพพม่าไปยังกรุงพุกามเพราะอากาศแถบลุ่มแม่น้ำอิรวดีร้อนและชื้นเกินไปสำหรับชาวมองโกล

กองทัพมองโกลก็เสียหายอยู่มากแม้จะน้อยกว่ากองทัพพม่าก็ตามยังกว่านั้นกองทัพมองโกลอยู่ห่างจากฐานทัพที่มลฑณยูนานมากหากเดินทางลงใต้ไปอีกก็เท่ากับว่าเปิดโอกาสให้ทหารพม่าโจมตีแบบกองโจรได้ง่ายเข้าดังนั้นพวกมองโกลจึงส่งทูตไปยังพุกามอีกบังคับให้กษัตริย์ยอมแพ้

แต่ก็ไม่พบกษัตริย์ในระหว่างนั้นแม่ทัพนายกองพม่าแม้จะถูกกษัตริย์ทอดทิ้งไปแล้วก็รวมกำลังกันที่เมืองตะโก้งซึ่งเป็นป้อมแห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่แต่กองทัพขาดอาวุธและเสียกำลังใจและในปีคริสต์ศักราช1284เมื่อพวกมองโกลไม่ได้รับการติดต่อจากกษัตริย์อีกเลย

จึงเปิดการโจมตีอย่างรุนแรงเมืองตะโก้งแตกอย่างรวดเร็วและลมมรสุมที่เกิดขึ้นเผอิญกรีดขวางพวกมองโกลไม่ให้เขากรุงพุกามพวกมองโกลเห็นว่าพวกพม่าหมดกำลังที่จะต่อต้านแล้วจึงประกาสรวมเอาพม่าตอนบนเข้าเป็นมลฑณใหม่ของจีนขนานนามว่ามลฑณพม่าที่กรุงตะโก้งเป็นเมืองหลวงพระเจ้านรสีหบดีทรงทราบว่าทูตมองโกลไม่พบพระองค์ที่กรุงพุกาม

 

สนับสนุนโดย.  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

ตำนานเกาะคำชะโนด

สำหรับพื้นที่คำชะโนดได้เป็นดินแดนที่เพื่อนๆหลายๆคนได้พูดถึงก็จะต้องคิดถึงเรื่องราวที่สุดลี้ลับเกี่ยวกับพญานาคด้วย ตำนานเกาะคำชะโนด และความเชื่อที่ว่ากันว่าเกาะคำชะโนดแห่งนี้ไม่เคยจมน้ำเพราะว่ามีพญานาคที่คอยปกปักรักษาเอาไว้นั่นเอง

ซึ่งป่าคำชะโนดหรือว่า วัดศิริสุทโธ

ได้ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านดุงจังหวัดอุดรธานีได้มีลักษณะคล้ายเหมือนกับมีเกาะตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวตรงกลางทุ่งอีกทั้งยังมีน้ำมาล้อมรอบมีเนื้อที่ประมาณ20กว่าไร่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าต้นชะโนดได้ขึ้นปกคุมอยู่เต็มไปหมดเลย เมื่อทุกคนได้เดินทางเข้าไปยังคำชะโนดจะรู้สึกเย็นเหมือนบรรยายน่าหนาวยังก็ไม่รู้โดยคนโบราณแถวนั้นเขาได้เชื่อกันว่าพื้นที่เกาะคำชะโนดแห่งนี้ได้เป็นเกาะที่ลอยน้ำที่ไม่มีวันได้จมน้ำ

ดังนั้นหากย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2519

เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ราบลุ่มบริเวณแม่น้ำโขงและยังรวมไปถึงบริเวณพื้นที่ในอำเภอบ้านดุงเช่นเดียวกันแต่มันก็ได้เกิดเรื่องที่มหัศจรรย์เกิดขึ้นเพราะว่าในเหตุการณ์ที่มีน้ำท่วมครั้งใหญ่ในครั้งนั้นกลับไม่ได้ส่งผลต่อเกาะคำชะโนดแต่อย่างใด

นอกจากนี้ชาวบ้านที่ได้อาศัยอยู่บริเวณนั้นต่างก็ได้เชื่อกันว่าสาเหตุที่น้ำทำไมมันถึงไม่ท่วมเกาะคำชะโนดแห่งนี้นั่นมันก็อาจจะเป็นเพราะว่าพื้นที่บริเวณเกาะแห่งนี้ได้มีพญานาคคอยรักษาเอาไว้อยู่เพราะว่าบนพื้นที่ของเกาะคำชะโนดนั้นจะมีศาลที่เอาไว้บุชาพยานาคอยู่สองท่านได้ช่วยกันร่ายมนต์ช่วยคุ้มครองพื้นที่เกาะแห่งนี้เอาไว้

โดยทำใหพื้นที่เกาะแห่งนี้ยังสามารถลอยอยู่เหนือผืนน้ำได้หากแม้ว่าพื้นบริเวณโดยรอบจะถูกน้ำท่วมไปหมดแล้วก็ตามและในอดีตพื้นที่ป่าคำชะโนดแห่งนี้ได้เป็นเกาะที่ไม่เคยมีสิ่งปลูกสร้างใดๆเลยนอกเหนือจากศาลปู่เจ้าศรีสุทโธที่ได้ปลูกสร้างเอาไว้เป็นเพียงศาลขนาดเล็กๆเพื่อเอาไว้ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้เพียงเท่านั้น

เนื่องจากนี้ชาวบ้านในสมัยก่อนก็ได้เรียกพื้นที่เกาะแห่งนี้ว่าเกาะลอยน้ำและด้วยเรื่องราวที่สุดมหัศจรรย์เหล่งนี้เองได้ทำให้เหล่านักวิชาการหลายท่านหลายคนก็พยายามที่จะเข้าไปทำการศึกษาประวัติและได้ทำการสืบค้นข้อมูลต่างๆเพื่อที่จะได้ทำการไขปริศนาว่าทำไมพื้นที่เกาะขนาดเล็กแห่งนี้ถึงสามารถลอยน้ำและลอยพ้นปัญหาอุทกภัยปัญหาต่างๆได้ทุกครั้งไป

เพราะฉะนั้นแล้วหลังจากที่ได้เข้าไปทำการศึกษาโดยนักวิชาการจึงได้พบอีกว่าพื้นที่เกาะคำชะโนดแห่งนี้ได้เป็นเกาะที่มีลักษณะแปลกไปจากพืนที่เกาะอื่นๆ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ