อรุณรุ่งแห่งพุทธประทีป หรือจุดเริ่มต้นของความศรัทธาทางด้านศาสนาในยุคหริภุญไชยนคร 

อรุณรุ่งแห่งพุทธประทีป สำหรับความเชื่อความศรัทธาของผู้คนนั้นเรามักจะเห็นได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นคนในสมัยโบราณและไม่ได้มีการร่ำเรียนเกี่ยวกับเรื่องของศาสนาก็มักจะมีการนับถือบูชาภูตผีปีศาจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสมัยโบราณนั้นมักจะนับถือบูชาภูตผีบรรพบุรุษของตนเองนั่นก็คือปู่ย่าตายายที่เสียชีวิตไปแล้วโดยคนสมัยยุคของหิริภุญชัยนครนั้นก็เป็นอีกยุคสมัยหนึ่งที่มีการบูชาผี

เนื่องจากว่าคนสมัยโบราณไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของศาสนาต่างๆและคนพื้นเมืองส่วนใหญ่ก็เป็นชาวเมืองรั่วซึ่งแต่เดิมนั้นก็มีการบูชาเสาสกังหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือเสาอินทขีลนั่นเอง

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของจุดเริ่มต้นของความศรัทธาทางด้านศาสนาของคนในยุคสมัยหริภุญชัยนครหรือเรียกว่าในยุคนี้ถือว่าเป็นยุคอรุณรุ่งแห่งพุทธประทีปนั่นเอง 

จากประวัติความเป็นมาของประวัติศาสตร์ของยุคสมัยหริภุญชัยนั้นได้มีการบันทึกเอาไว้ว่าแต่เริ่มเดิมทีก่อนหน้าที่จะมีการสร้างเป็นเมืองหริภุญชัยนั้นผู้คนไม่ได้มีการนับถือศาสนาใดๆทั้งสิ้น

จนต่อมาได้มีนักโพสต์เดินทางมาที่เมืองหริภุญชัยโดยนักโทษคนดังกล่าวนั้นได้นำเอาศาสนาพราหมณ์มาเผยแพร่หลังจากนั้นก็มีการสร้างเมืองหริภุญชัยขึ้นมาจากการรวบรวมประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวหลังจากนั้นพื้นที่ดังกล่าวก็สู่เข้ายุคคาริบนชัยอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการเข้ามาของศาสนาพราหมณ์แล้วก็มีการเปลี่ยนผ่านศาสนา  โดย  เครดิตฟรี gclub   เปลี่ยนจากการมานับถือศาสนาพราหมณ์มาเข้าสู่ช่วงการนับถือนิกายลังกาวงศ์นอกจากนี้ยังมีนิกายรามัญวงศ์

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในยุคสมัยดังกล่าวนั้นเมืองหริภุญชัยนั้นเรียกได้ว่ามีศาสนาทุกลัทธิเข้ามาเผยแพร่เลยก็ว่าได้นอกจากนี้ศาสนาดังกล่าวนั้นยังมีการเผยแพร่ไปยังเมืองอื่นๆไม่ว่าจะเป็นในร้านช้างหรือในร้านนารวมถึง สิบสองปันนาอีกด้วย 

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีลัทธิหรือศาสนามากมายหลายศาสนาเข้ามาในยุคสมัยของหริภุญชัยนครแต่ศาสนาพุทธเองก็เข้ามาเจริญรุ่งเรืองในช่วงยุคสมัยดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกันซึ่งจะเห็นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุที่บริเวณวัดพระธาตุหริภุญชัย

โดยเป็นพระธาตุที่อยู่กลางเมืองจากการตรวจสอบพบว่ามีการสร้างมาในช่วงศตวรรษที่ 16-17 ในสมัยของพระยาอธิราชดังนั้นนี่คือหลักฐานชั้นยอดที่แสดงให้เห็นได้ว่าในยุคของหริภุญชัยนั้นก็มีการนับถือศาสนาพุทธและมีการสถาปนาศาสนาพุทธเป็นแห่งแรกของทางภาคเหนือนั่นเอง 

สลดควายพ่อพันธุ์ไล่ขวิดเจ้าของจนเสียชีวิต

 

            สลดควายพ่อพันธุ์ไล่ขวิด   ที่จังหวัดอุทัยธานี มีเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2565  เมื่อมีชายคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหินงามได้เกิดอุบัติเหตุที่หน้าเศร้าสลดใจเกิดขึ้นเมื่อเขาถูกควายที่เขาเลี้ยงเอาไว้ไล่ขวิดจนเสียชีวิตโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต

นั้นได้มีการเลี้ยงควายเอาไว้จำนวนเกือบ 20 ตัวด้วยกันซึ่งเป็นการเลี้ยงควายพ่อพันธุ์โดยควายแต่ละตัวที่ถูกนำมาเลี้ยงนั้นจะซื้อมาตั้งแต่ควายเหล่านี้ยังตัวเล็กๆและแต่ละตัวนั้นก็ซื้อมาราคาเกินกว่าครึ่งล้านเลยทีเดียว

       อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตกับควายพ่อพันธุ์ที่ตนเองเรียนนั้นคลุกคลีและสนิทสนมกันเป็นอย่างดีควายนั้นค่อนข้างเชื่องและไม่เคยดูมาก่อนเลยปกติแล้วผู้เสียชีวิตมักจะพาควายออกไปกินหญ้ากลางทุ่งนาอยู่เป็นประจำอย่างไรก็ตามในวันที่เกิดเหตุนั้นอยู่ดีๆควายก็เกิดคุณค่าขึ้นมาหลังจากนั้นก็วิ่งไล่ขวิดเจ้าของของตนเองซึ่งทางด้านเจ้าของเองก็พยายามวิ่งหนีแต่ก็ไม่สามารถวิ่งหนีพ้นถูกผิดจนมีบาดแผลตามร่างกายเต็มไปหมด

      หลังจากที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ต่างก็พากันเข้าไปช่วยเหลือโดยมีการแยกดึงกับควายพ่อพันธุ์ที่กำลังครูข้างเอาไว้และพาผู้เสียชีวิตซึ่งได้รับบาดเจ็บอยู่ในขณะนั้นกลับมาที่บ้านพักหลังจากนั้นก็มีการโทรตามกู้ภัยให้ช่วยมารับตัวไปส่งโรงพยาบาลแต่กู้ภัยยังเดินทางมาไม่ถึงผู้บาดเจ็บก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตก่อนกู้ภัยจะมาถึง

            เบื้องต้นทางด้านเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ของอำเภอได้ลงพื้นที่มาทำการตรวจสอบควายที่ก่อเหตุเจ้าของเสียชีวิตในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้มีการสอบถามชาวบ้านรวมถึงญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตซึ่งได้ความว่าตัวที่เกิดผู้เสียชีวิตนั้นเป็นควายพ่อพันธุ์และเป็นจ่าฝูง

โดยปกติแล้วควายตัวนี้มีนิสัยเชื่องและสนิทสนมกับผู้ตายเป็นอย่างดีเพราะเลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กแต่ช่วงนี้ควายตัวดังกล่าวนั้นกำลังติดสัตว์ซึ่งทางด้านชาวบ้านเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการที่ควายนั้นหวงตัวเมียของตนเองคิดว่าทางด้านเจ้าของนั้นจะเข้ามาใกล้ตัวเมียของตนเองจึง ได้คุ้มครองและทำร้ายร่างกายเจ้าของจนเสียชีวิต

         สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้สามารถเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่เลี้ยงสัตว์ได้เป็นอย่างดีว่าต่อให้เลี้ยงมาตั้งแต่สัตว์ชนิดนั้นเป็นตัวเล็กๆก็อาจจะมีบางครั้งที่จะตัดจะหงุดหงิดหรือเกิดการคุ้มคลั่งได้เพราะฉะนั้นไม่ควรที่จะไว้ใจสัตว์มากจนเกินไป

ควรจะสังเกตของอาการของสัตว์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่อากาศร้อนมากๆอาจจะคลุ้มคลั่งได้ง่ายและอาจจะทำร้ายเจ้าของได้โดยที่มันไม่ตั้งใจเพราะฉะนั้นเพื่อลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจึงค่อนข้างจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังหากต้องเข้าใกล้สัตว์

 

สนับสนุนโดย.   เครดิตฟรี gclub